หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มาถนอมแบตฯโน๊ตบุคกันเถอะ


มาถนอมแบตเตอร์รี่ “โน้ตบุ๊ค”กันเถอะ By TooktaALL

Bat
การใช้โน้ตบุ๊คอย่างถูกวิธีไม่ควรปล่อยให้แบตเตอร์รี่หมดเกลี้ยงไปจนเครื่องดับ และปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ชาร์จไฟอีกเป็นเวลานานๆ เพราะอาจจะทำให้แบตเตอร์รี่ถึงคราวอวสานไม่สามารถชาร์จไฟได้อีกต่อไป วิธีการที่ถูกต้องคือชาร์จไฟให้ทันทีเมื่อระดับไฟเหลือต่ำกว่า 10%หรือชาร์จไฟทันทีที่มีโอกาส (ตุ๊กตา) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟในแบตเตอร์รี่ถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยง เมื่อเต็มแล้วก็ควรถอดปลั๊กออกทันที ไม่ควรเสียบทิ้งไว้ตลอดเวลาเพราะเมื่อมีการชาร์จไฟเต็มแล้ว(ตุ๊กตาน่ารัก) ซิปภายในแบตเตอร์รี่จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ การเสียบปลั๊กทิ้งไว้มีแต่จะทำให้ประสิทธิภาพของแบตเตอร์รี่เสื่อมถอยก่อนเวลาอันควร

วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไข่ดิบดองน้ำส้ม


ไข่ดิบดองน้ำส้ม By TooktaALL

Egg for  heal
มาแล้วครับสูตรไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูที่กำลังมาแรงแซงตุ๊กตาของผมอยู่ในปัจจุบัน (ตุ๊กตาน่ารัก)
ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชู เป็นตำรายาโบราณของจีนในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ได้สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้นำมาเผยแพร่คนแรกได้นำยามาทำทานเองและแนะนำให้เพื่อนฝูงทานด้วยได้ผลดีเหมือนปาฏิหาริย์สามารถรักษาโรคได้หลายโรค
 อาทิเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์ แก้อัมพาต ช่วยละลายหินปูน อาการเมื่อย ชา ตึง ปวด และบวมตามร่างกาย เป็นยารักษาโรคครอบจักรวาลเหมาะสำหรับที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ไม่มีผลข้างเคียงเพราะมาจากธรรมชาติ สุดแสนประหยัด สามารถทำได้เองและได้ผลอย่างแท้จริง
วิธีทำก็แสนง่ายดายเริ่มต้นจากนำไข่ไก่ดิบมาล้างเปือกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้งแล้วนำไปเรียงใส่โหลแก้ว เสร็จแล้วเทน้ำส้มสายชูลงไปให้ท่วมไข่(ไข่ไก่สด 8 ฟอง ต่อน้ำส้มสายชูหมัก 1ขวด)ดองทิ้งไว้ประมาณ 5 วันจะเริ่มพอดีนำมาทานเป็นยาได้ เวลาดองไม่ควรปิดฝาโหลสนิทมากเพื่อให้แก๊สที่เกิดขึ้นสามารถระบายออกสู่ภายนอกได้โดยง่าย (ตุ๊กตา)
เมื่อดองได้ที่แล้วให้นำไข่ออกมารับประทานวันละ 1 ฟอง จนหมด  แล้วจึงทิ้งน้ำส้ม
ทานติดต่อกันไปจึงจะเห็นผลเร็วมาก หากทานยากจะผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมก็ได้ แต่ห้ามทำให้สุกเด็ดขาด หลังทานแล้วให้ดื่มน้ำตามมากๆ ห้ามทานน้ำเย็นนะครับเพราะจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
เคล็ดลับการทานให้เกิดผลต่อการรักษาโรคสูงสุดคือทานหลังอาหารมื้อเช้าประมาณ 15 นาทีและทานน้ำมะนาวหรือของเปรี้ยวๆตบท้ายจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาก

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ใบแมงลัก ยาดีช่วยระบาย


ใบแมงลัก ยาดีช่วยระบาย By TooktaALL

ใบแมงลักเป็นพืชในสกุล กะเพรา โหระพา สรรพคุณเป็นยาระบาย ทั้งยังเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน นิยมนำมาเป็นล่วนประกอบของอาหาร  เช่น  นำมาใส่แกงเลียงหรือกินสดๆกับขนมจีนน้ำยาก็อร่อยดี (ตุ๊กตา)
ในภาษาถิ่นของอีสานเรียกว่า “ผักอีตู่” เป็นพืชล้มลุก ลำต้นตรง โคลนต้นแข็ง แตกกิ่งก้านทุกส่วน มีกลิ่นหอม ใบเดี่ยวสีนวลๆมีขนอ่อนนิยมนำมาใส่แกงอ่อม เพื่อแต่งกลิ่นและดับคาวของกลิ่นอาหาร นอกจากจะช่วยเป็นยาระบายแล้วยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ  ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน  ขับลม  ขับเหงื่อ (ตุ๊กตาน่ารัก)
แก้หวัดและหลอดลมอักเสบได้ดี      แหมสรรพคุณมากมายขนาดนี้ต้องไปหามาไว้ติดบ้านมั่งแล้วครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติตุ๊กตาบาร์บี้


ประวัติตุ๊กตาบาร์บี้ By TooktaALL



ตุ๊กตาบาร์บี้ เป็นหนึ่งในของเล่นที่สามารถยึดครองหัวใจของเด็กหญิง
ในทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ โดยแต่ปี ค.ศ.1959 เป็นต้นมา 


บาร์บี้ได้นำมาทำศัลยกรรม ปรับเปลี่ยนโฉมหน้ามาแล้วถึง 4 ครั้ง 
คือในปี 1967,1977,1992 และ 1999




บาร์บี้เป็นสัญชาติอเมริกัน มาประมาณ 53 ปีแล้ว 
โดยครอบครัวแฮนด์เลอร์ และนางรูท แฮนด์เลอร์ เจ้าของบริษัท แมทเทล 
ซึ่งได้แนวความคิดที่จะผลิตตุ๊กตาสำหรับเด็กโต ในรูปแบบ 3 มิติ 
จาก บาร์บาร่า แฮนด์เลอร์ ลูกสาวของเธอขณะที่บาร์บาร่ากำลังนั่งเล่นตุ๊กตากระดาษ และยังได้ตั้งชื่อตุ๊กตาตามชื่อของลูกสาวว่า บาร์บี้ หรือในชื่อเต็มว่า  "บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท" (Barbie Millicent Roberts)



มารดาของบาร์บี้  รูท แฮนด์เลอร์


ที่จริงบาร์บี้เป็นสาวราศีสิงห์ แต่ไปเปิดตัวให้คนรู้จักอย่างเป็นทางการ 
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในงานแสดงโชว์ของเล่น Toy Honest ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 
จึงได้ถือเป็นวันเกิดของตุ๊กตาบาร์บี้เรื่อยมา นับจากวันนั้นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เป็น
ที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน…ถึงวันนี้บาร์บี้มียอดขายมากกว่า one พันล้านตัวในทั่วโลก 


ในประเทศไทยนี้ บริษัท แมทเทล ได้มอบหมายให้บริษัท ดีทแฮล์ม 
ได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย ซึ่งตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมสูงอย่างมาก เนื่องจากในเวลานั้น ตุ๊กตาบาร์บี้เป็นตุ๊กตาผู้หญิงตัวแรก ที่มีขนาดกะทัดรัด มีรูปทรงลอยตัว 
และมีลักษณะที่เหมือนคนจริง จับต้องได้



“บาร์บี้” นั้นมีอิทธิพลกับเด็กที่กำลังจะเริ่มเป็นสาวเกือบทั่วโลก  มากกว่าความเป็นเพื่อน
ซึ่งเหมือนกับตุ๊กตาทั่วไป โดยเด็กๆ จะตั้งความฝันที่จะโตขึ้นแล้วสวย แต่งตัวทันสมัย ใส่เสื้อผ้าที่ออกแบบโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของตุ๊กตาบาร์บี้
ในระยะเวลาต่อมา ทำให้เด็กๆ มองว่า บาร์บี้คือสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็นในอนาคต




เริ่มมีแฟชั่นสำหรับบาร์บี้


เรื่องราวของตุ๊กตาบาร์บี้ได้ถูกทำให้มีชีวิตเหมือนคนจริงมากขึ้น
เมื่อบาร์บี้มีแฟนหนุ่มชื่อเคน คาร์สัน (Ken Carson) ซึ่งแจ้งเกิดในปี ค.ศ.1961 หรือใน 2 ปี ต่อมาหลังจากที่บาร์บี้ถือกำเนิด แล้วในเวลาต่อๆ มา 
บาร์บี้ก็เริ่มมีสังคมมากขึ้น ซึ่งมีเพื่อนต่างสีผิว, เพื่อนของเคน แฟนหนุ่ม, น้องชาย, น้องสาว, ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนสาวอีกมากมาย รวมทั้งยังมีชุดไว้คอยให้เปลี่ยนอีกด้วย


บาร์บี้และผองเพื่อนที่เป็นหลายลายเผ่าพันธุ์
TooktaALL.com

อ้างถึง   http://dollsall.exteen.com/category/Barbies-Doll

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติตุ๊กตา By TooktaALL


ประวัติตุ๊กตา By TooktaALL


ตุ๊กตาต่างๆที่ท่านๆได้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะนำมาเป็นของเล่น หรือนำมาใช้ในพิธีการทางศาสนา  แรกเริ่มเดิมทีนั้น  ตุ๊กตาได้ถูกทำมาจากดินเหนียว  ซึ่งถูกค้นพบอยู่ทั่วไปในทวีปต่างๆไม่ว่าจะเป็น อเมริกา  ยุโรป  แอฟริกา  หรือแม้กระทั่งเอเชียเรา  ไม่ว่าจะถูกค้นพบในสมัย  กรีซ  โรมัน  หรืออียิปโบราณ  ก็ยังมีหลักฐานให้เห็นอยู่เนืองๆ  แต่ทว่า  หากจะนับว่ามีเอกสารยืนยันที่เกี่ยวกับตุ๊กตา  ต้องย้อนกลับไป ณ ปี ค.ศ.100  เพราะว่ากรีซได้มีการจดบันทึกไว้  เวลาต่อมา ศตวรรษที่ 15 เยอรมันก็ได้เปลี่ยนแปลงโฉมตุ๊กตาให้เป็นไปในโมเดิ้ล  แล้วก็พัฒนาไปเรื่อยๆจนถึง ศตวรรษที่ twenty ตุ๊กตาก็ผลิตจากหลายๆวัตถุดิบ  เพื่อง่ายต่อการสะสม



 ตุ๊กตายุคเริ่มแรก
แต่เริ่มเดิมที ตุ๊กตา ได้ถูกบรรจงสร้างจาก  อิฐ หิน ดิน ทราย ไม้  หรือเศษวัสดุอื่นๆที่หาได้ง่ายๆจากรอบๆตัว  เพื่อที่จะใช้นำมาเป็นของเล่นให้เด็กๆ  ซึ่งขนาดและองค์ประกอปต่างๆก็จะอตกต่างกันไปแล้วแต่วัสดุที่ทำ ณ ตอนนั้น




ตุ๊กตาที่ประดิษฐ์จากไม้พายของอียิปโบราณ  ประมาณปี  2080-1990 ก่อนคริสตกาล


นอกจากตุ๊กตาถูกทำมาเป็นของเล่นแล้ว  บางพื้นที่ยังทำตุ๊กตาเพื่อมาเป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือความเชื่ออีกด้วย  เพราะบางที่มีความเชื่อว่า  เด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ปกติ (สุขภาพไม่ดี,การแก้ทำพิธีจากความเชื่อต่างๆของแต่ละพื้นที่) ก็จะนำตุ๊กตามาเป็นตัวแทน หรือมาใช้ในพิธีกรรมเพื่อให้หายจากสิ่งที่ไม่ดีนั้น


ตุ๊กตาน่ารัก อคูอาบา (Akuaba) จากแอฟริกา ใช้เพื่อประกอปพิธีกรรมในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ของชนเผ่า


ตุ๊กตา ฮินาวา (Hinawa) จากญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 300-600 ใช้เพื่อเป็นตัวแทนของครอบครัวเพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุข


นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาวูดูที่ใช้ในพิธีวูดู (แอฟริกา)  พิธีกรรมของอินเดียนแดง  ตุ๊กตาแอสกีโม  และแบบอื่นๆอีกมากมาย  แล้วแต่ความเชื่อและวัฒนธรรมของภูมิภาคนั้นๆ






ตุ๊กตายุคอุตสาหกรรม
หลังสงครามกลางเมืองที่ อเมริกา  (ปี ค.ศ. 1860)  ได้เริ่มมีการจัดตั้งโรงงานผลิตตุ๊กตาแล้วค่อยๆขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  จนประมาณ ศตวรรษ ที่ nineteen  ประเทศเยอรมัน  ได้พลิกนวัตกรรม  แนวคิดการผลิตตุ๊กตา  โดยได้เริ่มแนวคิดผลิตตุ๊กตาแบบโมเดิ้ล  ในตอนแรกก็ผลิตจากหนัง ผ้า กระดาษต่างๆ จนถึง ศตวรรษที่ twenty ก็เปลี่ยนมาเป็น พลาสติก เซลล์ลูรอย  ไวนิล  จนพัฒนากลายเป็น เรซินสังเคราะห์  ที่มีความคงทนเป็นอย่างสูง


เมื่อความต้องการของลูกค้ามีไม่สิ้นสุด นักคิดนักประดิษฐ์จึงต้องสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มต่างๆ ทำให้เกิดแฟชั่นของตุ๊กตขึ้นมา  ตอนแรกก็จะเป็นพวกตุ๊กตากระดาษ  ที่สามารถปรับเปลี่ยนชุดต่างๆได้  และต่อมาก็เกิดแฟชั่นตุ๊กตาบาบี้ ที่สามารถเปลี่ยนชุด ตัว หัว แขน-ขา ต่างๆได้


ตุ๊กตาแฟชั่น  ที่ได้ทำจากกระดาษ  เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า สามารถแต่ได้


ตุ๊กตาบาบี้  ใน ค.ศ. 1959  สามารถปรับเปลี่ยนชุดต่างๆของตุ๊กตาได้ตามใจ


ณ ปัจจุบัน  แนวคิดของตุ๊กตาได้ถูกตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าได้ง่ายขึ้น  โดยอาศัยสื่อการสื่อสารและรับสาร  คือระบบเน็ตเวร์ค  ซึ่งจะง่ายต่อการซื้อ-ขาย 


กลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ได้มีความต้องการซื้อเหมือนเก่าก่อน  ที่ว่าซื้อเพื่อเป็นของเล่น แต่สามารถแบ่งลักษณะ 2 แบบอย่าง คือ


1.กลุ่มปกติทั่วไป  กลุ่มนี้มีความต้องการตุ๊กตาไว้เพื่อเป็นของเล่น  ตั้งแต่  เด็กจนถึงผู้ใหญ่


2.กลุ่มความต้องการพิเศษ คือกลุ่มที่เน้นสะสม  เพื่อนำไปแสดงหรือเพื่อความสุขทางจิตใจ  เช่นสะสมตุ๊กตาหายาก  ตุ๊กตาโบราณ  โดยยิ่งเก่าเท่าไหร ก็ยิ่งต้องการเป็นอย่างมาก  โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทางการเงิน  และจะอยู่กันเป็นกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน ส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีงานทำแล้ว




โรงพยาบาลตุ๊กตา
เมื่อตุ๊กตาผลิตออกมาแล้ว  วันเวลาผ่านไป  ก็ย่อมเกิดการเสื่อม  ชำรุด  ดังนั้นจึงได้เกิดธุรกิจซ่อมแซมตุ๊กตา  หรีอโรงพยาบาลตุ๊กตาขึ้นมา  ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมบำรุงตุ๊กตาต่างๆ  โดยโรงพยาบาลตุ๊กตาที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ที่ประเทศโปรตุเกส ในเมืองลิสบอน  โดยได้ก่อตั้งในปี ค.ศ.1830  นอกจากนี้มีที่อื่นๆอีกเช่น อเมริกา  แคนนาดา  ฝร่งเศส และที่อื่นอีกซึ่งจะกระจายอยู่ทั่วโลก






 เป็นอย่างไรบ้างครับเกี่ยวกับประวัติของตุ๊กตาในแบบต่างๆทั่วโลก  หวังว่าคงจะได้ความจรรโลงใจกันไม่มากก็น้อยนะครับ  ต่อไปผมจะเจาะถึงประวัติของตุ๊กตาในประเภทต่างๆเพื่อเป็นเฉพาะของผู้ที่ชื่นชอบนะครับ  คอยติดตามชมได้  ไม่นานเกินรอ



TOOKTAALL
อ้างอิง   http://thaialldolls.wordpress.com/2012/07/12/history-dolls/

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555


การอาบน้ำน้องหมา By TooktaALL

หากว่าสุนัขมีกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งในบางครั้งจึงมีความจำเป็นต้องอาบน้ำให้สุนัข
นอกจากนี้ ขณะ การอาบน้ำ ยังช่วยกำจัดพยาธิบางตัวจากภายนอกออกไป
โดยยังช่วยในการให้ปรับสภาพผิวที่แห้งหรือมันเกินไป
โดยสัตว์แพทย์สามารถแนะนำแชมพูยา
หรือจะชโลมครีมปรับสภาพขนเพื่อให้เหมาะสมกับสุนัข (ตุ๊กตา)



ในบางครั้งที่ใช้แชมพูและครีมเพื่อปรับสภาพขนที่จะให้ได้ผลดี
สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามคือ ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดของบริษัทผู้ผลิต

แชมพูที่ทำการอาบแล้วล้างออกไม่หมด จะทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนัง (ตุ๊กตาหมี)
และอาจทำให้น้องหมาคัน ซึ่งน้องหมาอาจเกาจนเป็นแผล (ตุ๊กตาน่ารัก)

ระหว่างการอาบน้ำ อาจใส่ปลอกคอให้สุนัข เพื่อใช้จับและป้องกันสุนัขกระโดดออกจากอ่างน้ำ


วิธีการอาบน้ำ


1. หลังจากแปรงขนสุนัขให้เรียบไม่เป็นสังกะตังแล้ว ให้ใช้ก้อนสำลีอุดหูสุนัขไว้แล้วจับสุนัขยืนในอ่างน้ำ โดยใช้ผ้ายางรองพื้นอ่าง (ป้องกันเล็บหรือเท้าหล่นลงไปในช่องระบายน้ำ)
ให้ใช้มือจับปลอกคอสุนัข แล้วค่อยใช้น้ำอุ่นค่อยๆราดลงบนตัวสุนัข

2. ใช้แชมพูสำหรับสุนัขหรือแชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาฟอกให้ทั่วตัว ยกเว้นบริเวณหัว
จับสุนัขให้มั่นคงเพื่อป้องกันสุนัขลื่นหรือกระโดดออกจากอ่างน้ำ
ถูนวดย้อนขนจนแชมพูเป็นฟอง พึงระวังอย่าให้แชมพูกระเด็นเข้าตาสุนัข (ตุ๊กตา)

3. บริเวณหัวให้ใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาเทลงบนมือ
แล้วนวดขนสุนัขอย่างนุ่มนวล
ตุ๊กตาสุนัข


4. ล้างแชมพูบริเวณหัวออก เช็ดให้แห้งก่อนจากนั้นจึงล้างแชมพูบริเวณลำตัว
ซึ่งการทำวิธีนี้จะช่วยป้องกันมิให้สุนัขสะบัดน้ำกระจายไปทั่วห้อง

5. ล้างแชมพูออกให้หมดด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง
ถ้าหากจำเป็นที่จะใช้แชมพูปรับสภาพนวดขนแล้ว  จะต้องทำการล้างออกให้หมด (เกมส์)

6. บีบไล่น้ำติดค้างตามขนออกให้มากที่สุดแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวผืนไหญ่เช็ดตัวสุนัขให้แห้ง
หลังจากกนั้นจึงค่อยๆ เอาสำลีที่อุดหูออกและเช็ดในรูหูให้แห้ง หากขณะอาบอยู่สำลีหลุดไป ก็ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้าหู หรือนำสำลีก้อนใหม่มาอุดหูใหม่ (มีแป้งถอนขนหูอีกด้วย)




7. สุนัขที่มีผิวหนังสมบูรณ์อาจใช้เครื่องเป่าผมเป่าขนให้แห้ง โดยปรับอุณหภูมิปานกลาง
และแปรงขนไปในทิศทางออกจากตัว

สำหรับน้องหมาตัวพิเศษที่มีอาการคันตามผิวหนัง  ควรงดใช้เครื่องเป่าผม
เพราะความร้อนจะยิ่งทำให้ละคายเคืองและทำให้คันมากขึ้น (สังเกตุจากครั้งก่อนๆ)

อย่าลืม  เช็ดขนน้องหมาให้แห้งให้หมดนะครับ มิฉะนั้นเชื้อราจะถามหา

เครดิต  http://www.tooktaall.com
อ้างถึง  http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaidollsall&group=18

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความลับเกาะช้าง


ความลับของเกาะช้าง By TooktaALL


คุณพอทราบหรือไม่ว่า ณ เกาะช้างมีเรื่องเหลือเชื่ออยู่ด้วย เชิญชมได้เลยครับ(ตุ๊กตา)

1.เกาะช้างใช้ธงช้างแดง เป็นสัญญาลักษณ์ เพราะทุกคน ณ ที่นี่ นับถือพระเจ้าตากสิน เพราะท่านได้ปราบเขมร และยึดเมองจันทบุรีเป็นแหล่งสะสมกำลังทหาร อาหาร ต่างๆ เพื่อที่จะกอบกู้เอกราชไทยจากพม่า

ตุ๊กตา

2.ที่ได้ชื่อว่าเกาะช้างเพราะมีความเชื่อว่า สมัยก่อนได้มีช้างถูกนายพรานยิง แต่ไม่ตาย กลับว่ายน้ำ ข้ามทะเลยมาเสียชีวิตที่เกาะแห่งนี้ จึงเรียกว่าเกาะช้าง

3.ยอดเขาใหญ่ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะช้าง แต่เครื่องบินไม่สามารถบินผ่านได้ ซึ่งเคยมีเครื่องบิน จะบินผ่านมาแล้ว 2 ลำ แต่ก็ต้องตก แล้วหายสาบสูญไปเลย โดยไม่พบร่องรอยหรือซากเครื่องบินอะไรเลย แปลกไหม?(ตุ๊กตาหมี)

4.ที่เกาะช้าง มีโอโซนเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย

5.สมัยก่อนบริเวณเกาะช้าง และเกาะต่างๆแถบนี้ มีแต่โจรสลัดอาศัยอยู่ แต่เมื่อเสด็จพ่อ รัชกาลที่ 5 ทรงเสร็จประทับ ก็ได้จัดสรร ดึงเอาโจรสลัดต่างๆให้มาเข้ารับราชการ โดยแต่ตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน เพื่อให้ช่วยปกป้องชาวบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข รวมทั้งทรงมีรับสั่งให้ พลเรือเอก พระะเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ตำแหน่งยศสุดท้าย) หรือที่เราเรียกท่านว่า เสด็จเตี่ย ให้มาปราบพวกโจรสลัดที่เหลือ โดยอาศัยการจุดประทัดเพื่อหลอกพวกโจรให้กลัว เพื่อให้เกิดความสงบสุขเป็นของชาวบ้านและชาวไทยต่อๆไป...(ตุ๊กตาน่ารัก)



เสด็จพ่อ รัชการที่ 5



กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ "เสด็จเตี่ย"


บทความใกล้เคียง ท่องเที่ยวบางแสน By TooktaALL
ท่องเที่ยวเกาะช้าง By TooktaALL1
ท่องเที่ยวเกาะช้าง By TooktaALL2

เครดิต          http://www.tooktaall.com
อ้างถึง          http://www.gotoknow.org/blogs/posts/491287

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตุ๊กตาบรู๊ซ ลี


ตุ๊กตา บรู๊ซ ลี


        บรู๊ซ ลี เป็นราชากังฟูแห่ง โลกภาพยนตร์ ที่นำศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนงให้เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก เขาเสียชีวิตเมื่อ twenty ก.ค. 1973 อายุ 32 ปี ส่วนสาเหตุการตายนั้นยังเป็นปริศนาและปัจจุบันทันด่วน ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากเขาบ่นว่าปวดหัวแล้วกินยาแก้ปวดก่อนนอนพัก เขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย โดยสมองของเขาได้รับการเปิดเผยว่าบวมขึ้นกว่าขนาดปกติถึง a hundred and thirtieth เขาเสียชีวิตก่อนการฉายผลงานเรื่องสุดท้าย Enter the Dragon เพียงแค่เดือนเดียว
ตุ๊กตา


บรู๊ซ ลี (Bruce Lee)
หรือ หลี่ เสี่ยวหลง
(วันที่ twenty seven พฤศจิกายน ค.ศ.1940 - วันที่ twenty กรกฎาคม ค.ศ.1973)

          บรู๊ซ ลี นั้นได้เกิดที่สหรัฐอเมริกา ซานฟรานซิสโก ที่โรงพยาบาลในย่านไชนาทาวน์ ที่มลรัฐซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ในระหว่างที่พ่อของเขาพร้อมกับคณะงิ้วกวางตุ้งไปตระเวนแสดงในอเมริกา เขาจึงได้รับสัญญาติอเมริกัน นางพยาบาลจึงตั้งชื่อให้ว่า “บรูซ ลี” เพราะเรียกง่ายและฟังดู เป็นฝรั่ง จากนั้นพ่อของเขาก็พากลับฮ่องกง
ตุ๊กตาน่ารัก
         บรู๊ซ ลี ได้เริ่มเข้าสู่โลกแห่งเซลลูลอยด์ (ฟิล์ม) ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ในภาพยนตร์เรื่อง "The starting of the Boy" จากนั้นก็ได้เล่น หนังมาเรื่อย ๆ พอเริ่มเป็นวัยรุ่นก็เริ่มเกเร ยกพวกตีกับชาวบ้านเขาไปทั่ว เมื่อวันหนึ่งถูกรุมอัดจนเละ เขาจึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ สำนักมวยวิงชุน (หย่งชุน) เขาละทิ้งโรงเรียนและหันมาเอาจริงเอาจังทางกังฟู เรียนอยู่สี่ปี ฝีมือของเขาก็เริ่มแก่กล้า จนไปมีเรื่องกับแก๊งนักเลงใหญ่แห่งฮ่องกง ลีในวัย 19 ปีจึงถูกพ่อแม่ส่งตัวขึ้นเรือไปอเมริกา เขามาทำงานที่ร้านอาหารของญาติในซานฟรานซิสโกอยู่พักหนึ่ง แล้วย้ายไปซีแอตเทิล เป็นครูสอนเต้นรำชาชาชา ซึ่งเขาเคยเป็นแชมป์ที่ฮ่องกงมาก่อน
ตุ๊กตาหมี
          จากนั้นบรู๊ซ ลี ก็ได้เริ่มเปิดสอนศิลปะป้องกันตัว(มวยหย่งชุน) จากนั้นเขาเข้าเรียนปรัชญาที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เรียนจบแล้วย้ายไปแคลิฟอร์เนีย ตั้งสถาบันสอนศิลปะป้องกันตัว สอนมวยจีนให้กับคนทุกชาติ วันหนึ่งก็มีผู้กำกับหนังมาเห็นฝีมือของเขาจึงชวนไปเล่นหนังทีวีชุด "The green Hornet" หนังชุดนี้มี 30 ตอน แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ลีเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นยิ่งกว่าดารานำเสียอีก จากนั้นก็ได้เล่นหนังต่อมาอีกหลายเรื่อง ก่อนจะกลับไปสอนกังฟูต่อ หลังจากผิดหวังในฮอลลีวูด
ตุ๊กตาหมี
          บรู๊ซ ลี ได้กลับฮ่องกงอีกครั้งในปี ค.ศ.1971 พบกับ เรย์มอนด์ เชา (Raymond Chow) ผู้ผลิตหนังในฮ่องกง เปิดฉากด้วย "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง" (The big Boss) จากนั้นก็ต่อด้วย "ไอ้หนุ่ม ซินตึ๊งล้างแค้น" (Fist of Fury) วาด ลวดลายพายุหมัดและเท้าแบบที่ผู้ชมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาได้ประกาศศักดาของคนเอเชีย เตะฝรั่งตัวมหึมาคว่ำคาเท้า ส่งผลให้ลีกลายเป็นฮีโร่ของคนทั่วฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนังของเขาทำรายได้มหาศาล และเป็นการเปิดศักราชใหม่ของหนังกังฟู

          หลังจากนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัทหนังของตัวเอง ลงทุนไปถ่ายทำที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี คือเรื่อง "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง บุกกรุงโรม" (The manner of the Dragon) กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเขา ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปถึงฮอลลีวูด เรื่องต่อมาจึงได้ทุนจากอเมริกาคือ "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มังกรประจัญบาน" (Enter the Dragon) หนังทำรายได้ถล่มทลายกว่าสองร้อยล้านเหรียญ กลายเป็นหนังกังฟูฮ่องกงเรื่องแรกที่สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ให้แก่วงการ ภาพยนตร์เอเชีย อีกทั้งยังก่อให้เกิดกระแสคลั่งไคล้ไอ้หนุ่มซินตึ๊งไปทั่วโลก นอกจากนี้เขายังใส่ปรัชญาเข้าไปในศิลปะการต่อสู้ถึง twenty six ชนิดและตั้งชื่อว่า "จิตคุนโด" (Jeet Kune Do) ในปี 1997 นิตยสารเอ็มไพร์ (อังกฤษ) จัดเขาเป็นหนึ่งใน 100 ดารานำตลอดกาล
ของขวัญ
เกมส์


          บรู๊ซ ลี ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ twenty ก.ค. ค.ศ.1973  ในอายุวัยเพียง 32 ปี ซึ่งในเวลานั้นเขากำลังดัง และทำงานอย่างหนัก โดยไม่ยอมพักผ่อนและดูแลร่างกาย  บ่อยครั้งเขาถึงกับไม่กินข้าว ในที่สุดเขาก็มีคนพบร่างไร้สติของไอ้หนุ่มซินตึ๊งที่บ้านพักของดาราสาว เบ็ตตี ติงเพ่ย (Betty Ting Pei) ในฮ่องกง เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิต ช่วงแรกการเสียชีวิตเขายังเป็นปริศนา นักข่าวจึงใส่ไข่ไปต่าง ๆ นานา ว่าเขากินยาชูกำลังและเสียชีวิตขณะทำรักกับดาราสาว หรือถูกวางแผนฆาตรกรรม ต่อมาศาลและแพทย์ได้ออกแถลงอย่างเป็นทางการว่า ลีได้เสียชีวิตเพราะสมองบวมเนื่องจากแพ้ยาแก้ปวดที่ติงเพ่ยให้กินก่อนเขาจะหลับ ไป เป็นการตายโดยอุบัติเหตุไม่ใช่ฆาตกรรม

         แม้มังกรหนุ่มจะเสียชีวิตไปแล้วกว่าสี่สิบปี ลีลากังฟูของเขาก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจผู้ชมมาจนทุกวันนี้หนังสือพิมพ์สากล 27/02/06 เมื่อวานนี้ (26) สื่อฮ่องกงเปิด เผยรายงานของผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันรายหนึ่งถึงสาเหตุการเสียชีวิตของดารา กังฟูชื่อก้องโลกแห่งยุค ‘บรู๊ซลี’ หรือหลีเสี่ยวหลง โดยเขาตั้งข้อสันนิษฐานใหม่ว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่บรู๊ซจะเสียชีวิตด้วยโรคลมบ้าหมูอย่างเฉียบพลัน เนื่องมาจากการอดนอนและความเครียด ไม่ใช่มาจากอาการแพ้ยาตามรายงานชันสูตรศพในปี ค.ศ.1973
ตุ๊กตาหมี
          ฟิลคินส์ ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันการแพทย์ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ผู้ทำการศึกษาสาเหตุการตายของบรู๊ซลีมาหลายปีกล่าวว่า รายงานการชันสูตรศพที่สรุปเมื่อปี 1975 ว่า บรู๊ซลีเสียชีวิตด้วยสาเหตุการแพ้ยาแก้ปวด Equigesic และทำให้สมองบวมนั้นเป็นข้อวินิจฉัยที่ผิดพลาด ทั้งนี้ จากร่องรอยหลายประการทำให้ฟิลคินส์ฟันธงว่า มังกรน้อยหลีเสี่ยวหลงอาจเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอาการลมบ้าหมู ตามที่เขาเรียกว่า “sudden unexpected  death  in  epilepsy ,  SUDEP”
ตุ๊กตา
          ในรายงานของหมอฟิลคินส์ยังระบุอีกว่า โรคที่จะทำให้ราชากังฟูบรู๊ซลีเสียชีวิตในวัยหนุ่มแน่นนั้น มาจากการที่ร่างกายอ่อนเพลียเนื่องจากอดนอนและมีอาการเครียดจัด ส่งผลให้หัวใจและปอดหยุดทำงานอย่างฉับพลัน หรือเป็นอาการลมบ้าหมูฉับพลัน ซึ่งเป็นโรคที่มีการค้นพบภายหลังจากที่ดาราหนุ่มเสียชีวิตไปแล้ว twenty two ปี (1995)
ตุ๊กตาน่ารัก
          หมอฟิลคินส์ เสริมว่า จากรายงานการชันสูตรศพในขณะนั้นบอกได้ว่า ร่างกายของบรู๊ซไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ นอกจากกัญชาแล้วก็ไม่ตรวจพบสารพิษอื่นใด ส่วนสารประกอบในยาแก้ปวดที่บรู๊ซกินเข้าไปก็พบในปริมาณน้อยมาก ซึ่งไม่น่าเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า ก่อนบรู๊ซลีเสียชีวิตเขามีอาการอ่อนเพลียและกดดันอย่างมากทั้งทางร่างกายและ จิตใจ
เกมส์
          ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยังยากที่จะสามารถอธิบายสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของลี จากโรคดังกล่าว แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า โรคนี้มักเกิดกับเพศชายที่อยู่ในวัยหนุ่ม อายุระหว่าง 20-40 ปี และเกี่ยวพันกับการอดนอน สมองเติบโตช้า มีอาการทางประสาท หรือระบบทางเดินหายใจขัดข้อง นิยมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และใช้ยาพร่ำเพรื่อ
ตุ๊กตา
          ทั้งนี้ ในรายงานยังเผยว่า โรงพยาบาลประสาทสมองและศัลยกรรมประสาทสมองแห่งลอนดอนเคยทำการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู พบว่า จังหวะการเต้นที่ผิดปรกติของหัวใจอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคนี้ โดยอาจมีปัจจัยแฝงที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างกะทันหันคือการเกิดหัวใจวาย นอกจากนี้ ทุกๆปีโรคดังกล่าวยังคร่าชีวิตประชาชนในกลุ่มประเทศยุโรปเฉลี่ย 4,000 คน ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนของผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว 7-17% ของอัตราการตายทั้งหมด

เครดิต          http://www.tooktaall.com
อ้างถึง          http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaidollsall&group=15

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตุ๊กตา พระเจ้าตาก

ตุ๊กตา เรื่องกังขาต่อพระเจ้าตาก

         บทความนี้ ผมคิดอยู่นานว่า สมควรที่จะลงให้ชาวเว็บ TooktaAll ได้อ่านดีไหม เพราเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อประวัติศาตร์ชาติไทย และต่อท่านสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งในสมัยเด็กๆ ผมก็ได้รับการบอกเล่าให้ฝังว่า ท่านถูกท่อนจันทน์ทุบจนเสียชีวิต เพระเกิดการวิปราสทางจิตใจ...แต่ก็ได้มาเห็นบทความนี้จากเว็บหนึ่ง ได้อ่านแล้วจึงอยากให้หลายๆท่านทราบเพื่อที่จะเอาไว้เป็นข้อมูลอีกแหล่งหนึ่ง โดยที่ทางผมเองก็ไม่เชื่อเสียทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องในอดีตที่แสนนาน ประกอปกับ ตอนนี้ได้มีการจัดทริปนำเที่ยวเพื่อตามหาพระเจ้าตาก จากเว็บไซต์ มติชนออนไลท์ (มิ.ย. 2555) ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเพื่อที่จะลงบทความตรงนี้ เพื่อให้หลายๆท่านที่ได้อ่าน เข้ามาแสดงความเห็นอนึงตัวของผมเอง ก็เชิดชูพระเจ้าตาก และวีรชนของประเทศไทยทุกท่านทุกพระองค์ เพราะถ้ามิได้วีรชนเหล่านั้น ประเทศไทยเราก็มิรู้จะเป็นอย่างไร...ตุ๊กตา

          สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่4) กอบกู้ชาติ แต่ทำไมจุดสิ้นสุดของผู้มีคุณูปการของบ้านเมือง ตามที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ น่าสงสารมากล่ะครับ อ่านประวัติศาสตร์แล้วเชื่อตามนั้น จะเป็นยังไงครับ เพื่อนรักคนสนิท หักหลัง แล้วทุบด้วยไม้ท่อนจันทน์ เสร็จแล้วก็นั่งเมืองแทน ?....ตุ๊กตาหมี
          ผมจะกล่าวเริ่มด้วยบทนำของ หลวงวิจิตวาทการ ที่ได้เขียนไว้ใน "หนังสือใครฆ่าพระเจ้าตาก" ท่านเขียนว่า เกมส์เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ประมวลมาเป็น วิจิตรวรรณกรรม เล่มนี้ จำเป็นต้องมีคำอธิบายบ้าง ตุ๊กตาน่ารัก
          เรื่องแรกคือ “ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน” เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความสนใจมากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าคาดหมายไว้เมื่อแรก เขียน สำนักงาน”เพลินจิตต์” ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบ ในขณะที่เรื่องนี้ลงใน “เพลินจิตต์รายสัปดาห์” ว่ามหาชนได้แสดงความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างสูง มีจดหมายมากมายหลายฉบับ ถามไปทางสำนักพิมพ์ ว่าเรื่องนี้มีความจริงในประวัติศาสตร์เพียงไรยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่ทางหอสมุดแห่งชาติเองก็ได้บอกต่อข้าพเจ้าว่า มีผู้ไปสอบถามหลายคน ถึงเรื่องมีผีดุในหอสมุด ว่ามีจริงหรือไม่ และตัวข้าพเจ้าเองก็ถูกถามบ่อย ๆ จากผู้ที่ได้พบปะ ว่าเรื่อง “ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน” นั้น เขียนเล่นหรือเขียนจริง ของขวัญ
          ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี การที่ข้าพเจ้าจะตอบว่าเรื่องนี้มันมีความจริงในประวัติศาสตร์เพียงไรก็ดี หรือที่จะตอบว่า ข้าพเจ้าเขียนเล่นหรือเขียนจริงก็ดี เป็นเรื่องที่**ตอบยาก** แต่อย่างไรก็ตาม การเขียนเรื่องนี้ มีหลังฉากซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าจะไม่เปิดเผย แต่เมื่อบทประพันธ์นี้ กลายเป็นที่สนใจใหญ่หลวงของมหาชน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเผยออก โดยหวังว่า การเผยหลังฉากนี้จะทำความพอใจให้แก่ท่านผู้อ่านได้บ้างเมื่อราวปีหนึ่ง ก่อนเขียนเรื่องนี้ ท่านผู้มีเกียรติผู้หนึ่งซึ่งสืบเชื้อสายตรงจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และเป็ผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่พูดอะไรเล่น ๆ กับข้าพเจ้า ท่านยืนยันพร้อมด้วยหลักฐาน** คำบอกเล่าที่ท่านได้ยินได้ฟังและจำจำสืบต่อกัน**ว่า ตุ๊กตา
          “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ได้ถูก ประหารที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ ในวันที่ five เมษายน พุทธศักราช 2124 อย่างที่ปรากฏในพงศาวดาร ต่างๆ แต่มาสิ้นพระชนม์เมื่อ three ปีภายหลัง และสิ้นพระชนม์ด้วยฆาตกรรม ถูกตีอย่างทารุณในขณะที่ทรงเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ ภายใต้ความคุ้มครองของกาสาวพัสตร์ ส่วนคนที่ถูกประหารที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์นั้น เป็นคนอื่นไม่ใช่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
จาก... คำนำ เรื่อง ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธนบุรี... ของหลวงวิจิตรวาทการ ตุ๊กตาหมี
(ในรูปคือเขาขุนพนมที่ผมและ "รุจ" โดยการนำทางจากความทรงจำของคุณแม่ของรุจในวัยกว่าแปดสิบปี ท่านได้พาผมมาด้วยตัวเองจนถึงจุดที่พระเจ้าตากท่านมาหลบซ่อนตัวที่นครศรีธรรมราช ) ตุ๊กตาน่ารัก
"กษัตริย์ผู้เกรียงไกร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นกษัตริย์ที่สร้างกรุงธนบุรีหลังจากที่ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับ พม่า นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนกลับไม่เชื่อว่า พระองค์ถูกสำเร็จเกมส์ โทษด้วยท่อนจันทน์ แต่เสด็จหนีลงเรือมาประทับ ณ วัดเขาขุนพนม ทรงดำรงพระองค์อย่างสมณเพศ ทรงสั่งสอนสมถะวิปัสสนา และทรงรับบิณฑบาตจากราษฎรและสวรรคต ณ ที่ประทับวัดเขาขุนพนม"ตุ๊กตาน่ารักซึ่งได้เป็นข้อความที่จารึกอยู่ ณ ปากถ้ำบนภูเขาวัดเขาขุนพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช ตุ๊กตาหมี
บันไดทางขึ้นไปที่ถ้ำพระเจ้าตากสิน
วันที่ผมได้ไปถึงสถานที่ สภาพรอบๆเขายังเป็นป่าดิบๆอยู่พอสมควร ผมประทับใจที่ยังไม่มีพวกทัวร์มาลงจนเสื่อมสภาพ ต้นตอของเรื่องที่พูดกันและเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ๆ
สรุปว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงได้ยืมเงินจากรัฐบาลจีนจเป็นำนวนมาก เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันบ้านเมือง จนถึงปลายรัชกาลก็ไม่มีเงินใช้หนี้รัฐบาลจีนซึ่งคุกคามทวงหนี้คืน หาไม่ก็จะเอาไทยเป็นเมืองขึ้น หรืออะไรทำนองนั้น
          สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงได้ทรงแก้สถานการณ์อน่างนี้โดยการตกลงอย่างลับๆ กับ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นพระสหายและลูกน้องคนสนิท โดยพระองค์เองแสร้งกระทำการประหนึ่งวิกลจริตเพื่อให้พระสหายยึดอำนาจจาก พระองค์เสียสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ก็จำเป็นต้องเสียสละชื่อเสียงเกียรติยศในการหักหลังเพื่อน โดยทำการยึดอำนาจจากสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทั้งทำข่าวให้ระบือไปว่าได้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสินเสียแล้ว แต่ความจริงผู้ที่ถูกประหารคือข้าเก่าที่มีรูปร่างหน้าตาละม้ายพระเจ้าตาก สินเท่านั้นส่วนตัวพระเจ้าตากสินนั้น ถูกส่งอย่าง "ลับ ๆ" ให้ไปดำเนินพระชนม์ชีพในบั้นปลายที่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีพระราชโอรสของพระองค์ คือเจ้าพระยานคร (น้อย) อยู่ในฐานะเป็นบุตรของเจ้าพระยานครพัดแล้ว
(ภายในถ้ำพระเจ้าตากสิน จะเห็นรูปปั้นในเพศบรรพชิตคล้ายกับที่วัดท่าซุง - ผู้จัดทำเว็บวัดท่าซุง อธิบายภาพ)
          ส่วนที่เมืองนครศรีธรรมราชได้มีตำนานเล่ากล่าวกันว่า เมื่อสิ้นรัชกาลแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินได้หลบมาบวชและพำนักอยู่ที่นครศรีธรรมราช ที่ประทับได้แก่ ที่อำเภอลานสกา และที่อำเภอเมือง ปัจจุบันเล่ากันว่า ที่อำเภอลานสกาเป็นที่ซึ่งพระองค์ได้แวะพักระหว่างที่เสด็จมายังเมืองนครฯ ส่วนที่ประทับถาวรก็คือ วัดเขาขุนพนม ในเขตอำเภอเมืองนอกจากนี้ ยังได้มีเรื่องเล่ากันในหมู่สมาชิกตระกูล "ณ นคร" บางกลุ่มในปัจจุบัน บอกว่าหลังจากที่พระเจ้าตากสินทรงผนวชที่วัดเขาขุนพนมระยะหนึ่งแล้ว ก็ได้ประชวรด้วยพระโรคอย่างหนึ่ง จึงจำเป็นต้องทรงลาผนวช แล้วเสด็จไปประทับอยู่ในจวนของเจ้าพระยานคร (น้อย) ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ตุ๊กตา
          ทั้งมีการอ้างด้วยว่า เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เสด็จสวรรคตแล้ว ได้มีใบบอกเข้าไปแจ้งรัฐบาลในกรุงเทพฯ ว่า "ท่านข้างใน" สิ้นแล้ว ส่วนพระบรมศพนั้นก็ได้ไปตั้งทำการพระเมรุที่ชายทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัด นครศรีธรรมราชทั้งนี้ มีการอ้างถึง "หลักฐาน" เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเรื่องนี้อีกว่า ที่วัดแจ้งและวัดประดู่ซึ่งมีเก๋งไว้อัฐิของเจ้านคร (หนู) หม่อมทองเหนี่ยวชายา และของเจ้าพระยานคร (น้อย) นั้น มีศิลาจารึกภาษาจีนอยู่ ๓-๔ หลัก หนึ่งในนี้มีผู้อ้างว่า มีข้อความกล่าวถึงว่าเป็นหลุมศพของ "ผู้เป็นใหญ่แซ่เจิ้ง" เนื่องจากพระบิดาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน "แซ่เจิ้ง"สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงใช้ "แซ่เจิ้ง" ด้วย สำเนียงแต้จิ๋วเรียก "แต้" เรื่องนี้เป็นความจริงเพราะมีหลักฐานชั้นต้นยืนยันจำนวนมาก รวมทั้งพระราชสาส์นของพระเจ้าตากสินที่ทรงมีถึงพระเจ้ากรุงจีนก็ใช้ "แซ่เจิ้ง"เกมส์
          อย่างนี้ เอาเป็นว่าผมจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาตามสำนวนของผมที่สรุปได้ก็แล้วกัน ผมจะจับความตอนที่พระยาจักรีได้เมืองแล้วพระยาพิชัยดาบหักที่ยกทัพตามลงมา ตั้งแต่ได้ข่าวว่ากรุงธนบุรีถูกทัพกบฎล้อมแต่ก็สายไปแล้วได้พบว่าพระเจ้าตาก ถูกพระยา จักรีสั่งประหารเรียบร้อยก่อนหน้าไปหลายวัน พระยาพิชัยดาบหักโกรธมากไสช้างเข้าเมืองมาร้องเรียกให้พระยาจักรีออกมาคุย กันพระยาจักรีซึ่งตอนนั้นได้เป็นกษัตริย์ไปแล้ว ก็ได้ออกมากับน้องชายที่เป็น พระราชวังบวร ได้พบกับสหายเก่าร่วมรบพระยาพิชัยดาบหักร้องท้าทายว่าเอ็งอยากเป็นกษัตริย์ ถึงกับฆ่าท่านใหญ่เลยหรือวะ เอ็งมารบกับข้าดีกว่าข้าก็อยากเป็นด้วยเหมือนกัน พระยาจักรีร้องตอบไปว่าใครบอกว่าข้าฆ่าท่านใหญ่วะเอ็งลงมาจากช้างมาดูดีกว่า ว่าท่านใหญ่มีชีวิตหรือเปล่า ตุ๊กตาหมี
          เมื่อพระเจ้าตากได้พบกับพระยาพิชัยที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องเก่าก็พูดคุย เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พูดถึงความจำเป็นในการหลอกเมืองจีนเรื่องบ้าแล้วโดนประหารเพื่อล้างหนี้ มหาศาลในการกู้เงินมาทำนุบำรุงบ้านเมือง พิชัยอยู่กับพระยาจักรีในที่ลับก็พูดกันประสาเพื่อนร่วมรบแก่เก่าก่อนว่า ให้รับราชการร่วมกัน เล่นละครบทนี้ต่อ พระยาพิชัยก็ประกาศว่า ไม่ยอมเป็น ข้าสองเจ้า บ่าวสองนายความจริงก็เพื่อนกันแต่พระยาพิชัยทำใจไม่ได้ พระยาจักรีก็สั่งฆ่าพระยาพิชัย แต่พระยาพิชัยไม่ตายเป็นละครอีกบทของพระยาพิชัย มีนักโทษประหารชีวิตตายแทนพระยาพิชัย ตัวจริงก็เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นแล้วไปอยู่ที่อื่นใช้ชีวิตแบบสงบครั้นตกคืนนั้น สมเด็จพระเจ้าตากก็ได้นั่งคานหามออกไปจากวังในกลาดึก ณ คืนนั้น แล้วนั่งเรือลงไปนครศรีธรรมราชกับลูกชาย เข้าจำพรรษาที่ลานสกานอกเมืองนครฯ ส่วนลูกชายก็ไปนั่งเมืองนครฯ เป็นเจ้าเมือง ท่านไม่ได้ไปเพียงท่านกับลูกชาย มีพระสนมที่ติดตามไปดูแลท่านอีกคนหนึ่ง และทหารเสือพระเจ้าตากเชื้อสายจีนร้อยแซ่ ตั้งแต่สมัยกู้บ้านเมืองจากพม่า ได้ติดตามท่านไปสมทบด้วยอีกประมาณ five hundred คน เพื่อรักษาท่านเอาไว้ไม่ให้ใครตามมารบกวนท่านอีกทหารเสือพระเจ้าตากเหล่านี้ได้สร้างที่จำพรรษาให้ท่านบนยอดเขาขุนพนม ถาวรวัตถุที่หลงเหลือเห็นในตอนนี้ เป็นศิลปะจีนทั้งถ้วยชามจีนบนฝาผนังและลายพระพุทธบาทแบบจีนในวัด ทั้งมีการอ้างว่าพระยาน้อยเจ้าเมืองนคร คือลูกของท่านกับหม่อมปรางอีกทั้งเจ้าชุมนุมนครฯเป็นเจ้าชุมนุมเดียวที่พระเจ้าตากไว้ชีวิต เมื่อครั้งรวบรวมประเทศเข้าตีชุมนุมนครฯ อีกทั้งยังถวายลูกสาวเจ้าเมืองนครฯ เข้าดองเป็นสนมภายหลังอีกด้วยลักษณะทำเลที่ตั้งของ "เขาขุนพนม" ที่ซุ่งได้อยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมในการป้องกันภัยของพระองค์ ความผูกพันต่อเจ้าชุมนุมเมืองนครทีมีความเกี่ยวดอง ในลักษณะพ่อตากับลูกเขยในกาลหลายเหตุผลที่ยกมาเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเป็นสมมุติฐานที่สามารถเชื่อได้ หรือยังว่านครศรีธรรมราช และเขาขุนพนมก็คือสถานที่มีความเหมาะสม เป็นฐานที่มั่นในการหลบภัยทางด้านการเมือง ที่ไว้ใจได้มากที่สุดของพระเจ้าตากสิน ถือว่าเป็นหนึ่งในความเชื่อว่าพระเจ้าตากสิน สิ้นพระชนม์ที่เมืองนครฯ ของชาวนครเองที่เล่าขานมาหลายชั่วรุ่นคน เกมส์
วันนี้ผมเล่าเรื่องพระเจ้าตากอย่างมีความสุขมาก อยากให้เรื่องจริงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมอยากให้ท่านมีชีวิตรอดใช้ชีวิตในสมณะเพศที่เขาขุนพนมผมก็ยังคงฝันต่อไปอีกว่า อยากจะเป็นหนึ่งในทหารเสือพระเจ้าตาก ที่ย้อนเวลากลับไปใช้ชีวิตสงบๆ ที่เขาขุนพนมหลังศึกกู้บ้านเมืองสิบห้าปีพร้อมกับท่าน เพราะว่าเขาขุนพนมที่ผมไปพบมามันน่าอยู่มากผมจะพาขึ้นเขาขุนพนมแล้วครับ เดินตามผมมาเลยมีบันไดขึ้นประมาณสองร้อยกว่าขั้นไม่เหนื่อยมากจนเกินไป คุณแม่อายุแปดสิบแล้วยังขึ้นสบาย ตลอดสองทางก็เขียวชื้นเป็นป่ากึ่งดิบ มีไม้ดอกไม้ใบให้ดูแก้เหนื่อยตลอดทาง
          ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดเขาขุนพนมจุดที่พระเจ้าตากท่านมาบวชซ่อนตัว อยู่ ปัจจุบันนี้ทำเป็นลานคอนกรีตบริเวณหน้าถ้ำที่ท่านอยู่จำพรรษา สร้างรูปของท่านในสภาพของพระภิกษุไว้กราบบูชา (โปรดสังเกตรูปปั้นที่วัดขุนพนม กับรูปปั้นที่วัดท่าซุง จะมีส่วนคล้ายคลึงกันมาก - ผู้จัดทำเว็บวัดท่าซุง) จะตอบคำถามนี้ให้ผมที--------------------ขอขอบคุณผู้ประพันธ์บทความนี้ ซึ่งทำให้ทราบถึงความเสียสละต่างๆของวีระชนในอดีตกาล และขอสดุจดีไว้ ณ ที่นี้่ด้วย
เครดิต          http://www.tooktaall.com
อ้างถึง          http://www.gotoknow.org/blogs/posts/490522

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตุ๊กตา อนัสตาเซีย


ในปี ค.ศ. 1917 พรรคสังคมนิยมแห่งรัสเซียหรือที่เรียกกันว่า บอลเชวิค ได้หนุนให้เลนินขึ้นครองประเทศหลังจากปฏิวัติสำเร็จ เลนินจึงจัดการเอาพระเจ้าซาร์และบรมนุวงศาไปคุมขังไว้ ณ พระราชวัง ฤดูร้อนซาร์โกเซโล แล้วโยกย้ายไปไว้ที่โตบอลสก์ ในไซบีเรีย ท้ายสุดก็นำมาขังไว้ ณ ปราสาทอิปาเทียฟ ในอีคาเตรินเบิร์ก แต่เลนินวางแผนจะให้มีการพิพากษาความผิดของราชวงศ์ แต่พอได้ข่าวว่ากองทหารที่ยังสวามิภักดิ์ต่อซาร์เตรียมบุกเข้ามาช่วยเลนินจึงเปลี่ยนใจ สั่งให้ประหารให้หมดและทำลายล้างมิให้เหลือซาก ตุ๊กตา
เหตุการณ์สยดสยองคืนนั้นเป็นดังนี้
เที่ยงคืนวันที่ sixteen กรกฎาคม 1918 เจ้าหญิงอนัสตาเซียถูกปลุกให้ตื่นบรรทม
"แต่งองค์เร็วเข้า! เกิดการยิงกันวุ่นวายข้างนอก ลงไปเตรียมองค์รวมกันข้างล่างจะปลอดภัยกว่า!"
เจ้าหญิงรีบฉวยฉลองพระองค์มาสวม สร้อยพระศอไข่มุกล้ำค่าเกี่ยวติดชายกระโปรงมาด้วยทรงไม่สนใจกับเสื้อหนาว เพราะคืนนั้นอากาศร้อนอบอ้าว แม้ว่ากระดุมเสื้อหนาวตัวนั้นจะทำด้วยเพชรก็ตาม ตุ๊กตาหมี
ที่ข้างล่างนั้น พระบิดา พระมารดาและคนอื่น ๆ พร้อมอยู่แล้ว โดยมีเหล่าเรดการ์ดยืนคุมอยู่ แสงตะเกียงดวงเดียวที่แขวนไว้ทำให้เกิดเงาทาบทับผนังห้องโถงใหญ่หลังคาโค้ง นั้น เสียงเครื่องยนต์รถบรรทุกคันหนึ่งดังแว่วมาจากด้านนอก ตุ๊กตาน่ารัก
เจ้าหญิงและพระญาติรวมกลุ่มกันอยู่มุม หนึ่งของห้อง นับแต่พระเจ้าซาร์นิโคลาส ที่ two ผู้ประทับนั่งอยู่ตรงกลาง ผู้ที่นั่งถัดไปทางขวาของพระองค์ก็คือ อเล็กไซ โอรสผู้อ่อนแอจากการเบียดเบียนของโรคฮีโมฟีเลีย ดร.บ็อทกิน แพทย์ประจำราชวงศ์และเป็นพระสหายสนิทของซาร์ยืนถัดไป ผู้นั่งด้วยท่าทีหวาดหวั่นอยู่ข้างหน้าของทั้งสองก็คือเจ้าหญิงอเล็กซานดรา หลานย่าของควีนวิคตอเรียและมเหสีของซาร์ ส่วนพระราชะดาทั้งสี่ โอลก้า, ทาเทียนา,มาเรีย และอนัสตาเซีย ประทับยืนแวดล้อมพระมารดา นอกนั้นก็มี เดมิโควา ที่เ็ป็นพี่เลี้ยง,มหาดเล็กผู้รับใช้ และพ่อครัวยืนอยู่ทางด้านหลัง เกมส์
และในทันใดนั้นเอง ได้ทีบางอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดฝัน ยูรอฟสกี้ ตำรวจลับบอลเชวิค ผู้โหดเหี้ยมก็ก้าวเข้ามาเขาร้องตวาดด้วยเสียงดังลั่นห้องโถงใหญ่ ของขวัญ
"เจ้า นิโคไล อเล็กซานโดรวิช ลูกน้องของเจ้าได้ก่อการกบฏ แต่มันก็ล้มเหลวไปแล้ว ตอนนี้ถึงคราวที่เจ้าจะต้องถูกประหาร!"
"อะไรกัน!" พระเจ้าซาร์ทรงอุทานตะลึงงัน
"นี่อย่างไงล่ะ!" ยูรอฟสกี้ กรีวอลเวอร์ ขึ้นปืนส่องตรงไปยังซาร์ พระมเหสีและธิดาต่างยกหัตถ์กุมอุระ ตาเบิกโพลง ยูรอฟสกี้ลั่นไก พระเจ้าซาร์ฟุบสวรรคตลงกับที่ประทับ ลูกน้องของยูรอฟสกี้ซึ่งเป็นชนลัตเวียต่างก็ลั่นกระสุนเข้าใส่พระราชวงศ์ที่เหลือ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายร่วงผล็อยลงกับพื้นราวกับใบไม้หล่นจากต้น ควันปืนยังไม่ทันจาง เหล่าผู้ปลงพระชนม์ก็กรูกันเข้ามาแกะทิ้งสมบัติติดกายกระศพ ไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน กำไล นาฬิกา ฯลฯ ประหนึ่งเป็นรางวัลจากปฏิบัติการที่ได้กระทำไป จากนั้นก็รีบช่วยกันยกร่างของเหยื่อขึ้นเปลหามนำออกไปยังรถบรรทุกที่รออยู่ ด้วยความรีบร้อนจึงไม่มีผู้ใดตรวจสอบว่าร่างทั้งหลายนั้นตายสนิทแล้วหรือไม่ แม้แต่จำนวนศพก็มิได้นับ ตุ๊กตา
จุดหมายปลายทางที่บรรทุกไร้ชีวิตเหล่านั้นไปก็คือเหมือนร้างในป่า ศพทั้งหมดถูกนำลงมากองกับพสุธา ยูรอฟสกี้สั่งให้เอากำมะถันกับน้ำมันทราดศพจนโชกแล้วแล้วจุดไฟเผา เมื่อรอจนไฟมอดแล้วจึงเอาเถ้าและซากที่เหลือทิ้งลงในหลุมลึก ตุ๊กตาหมี
และนี่ก็คือวาระสุดท้ายของราชวงศ์โรมานนอฟซึ่งปกครองรัสเซียมานานกว่า ๓๐๐ ปี เกมส์

แต่ทว่าการเรื่องนี้มิได้ทำให้เรื่องเงียบหายไปดั่งที่เหล่าฆาตกรประสงค์ ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดว่ามีศพหนึ่งหายไปและมีหลักฐานหลายอย่างระบุว่าเจ้า หญิงอนัสตาเซียได้หนีรอดไปได้จากการปลงพระชนม์หมู่ครั้งนี้ ทางการโซเวียตก็เต้นซิครับ ส่งตำรวจลับออกสืบสวนตามล่าจ้าละหวั่น ทั้งในทะเลบอลติด โรนาเนีย ไปจนกระทั่งไซบีเรีย ค้นกระจุยทั้งในอาคารที่พักอาศัยและโรงพยาบาลทุกแห่ง หมายจับถูกส่งไปทั่ว รวมทั้งผู้ที่ต้องสงสัยว่าให้ความช่วยเหลือราชวงศ์ด้วย ใครที่มีท่าพิรุธแม้นิดเดียวเป็นโดนยิงทิ้งทันที ตุ๊กตาน่ารัก
ตามข่าวลือเท่านั้น ตำรวจลับสองนายที่หามร่างเหยื่อไปขึ้นรถบรรทุก ได้สังเกตเห็นว่าร่างของเจ้าหญิงอนัสตาเซียผู้ได้รับบาดเจ็บที่เศียรนั้นยัง มีลมหายใจรวยริน ทั้งคู่ได้แอบพาร่างบาดเจ็บนั้นเล็ดลอดอาศัยความมืดและความชุลมุนไปยัง กระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งห่างจากอิปาเทียฟ ๑๘๐ เมตร วางร่างเธอไว้ แล้วรีบกลับมาเข้ากลุ่มโดยไม่มีใครทันตระหนักรู้ ตุ๊กตาหมี
แม้ทว่า บอลเชวิคจะตามล่าสุดเหวี่ยงอย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ผลคืบหน้าแต่อย่างไร ข่าวนี้จึงค่อย ๆ เงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง เกมส์
กระทั่งเวลาผ่านไปราวสองปี หญิงผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อในหนังสือเดินทางว่า แอนนา-ไชคอฟสกี้ โดดน้ำตายที่กรุงเบอร์ลินในวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ 1920 ทว่ามีผู้ช่วยเธอเอาไว้ได้ หลังรอดตายหญิงผู้นี้ได้อ้างว่าที่แท้ตนเองนั้นก็คือเจ้าหญิงอนัสตาเซีย แห่งราชวงศ์โรมานอฟ ผู้รอดมาจากการประหารหมู่ครั้งนั้นนั่นเอง ตุ๊กตา
ข่าวนี้ได้ก่อความตื่นเต้นให้กลับคืนมาอีกต่อชาวรัสเซีย บางคนก็เชื่อ แต่บางคนก็คิดว่าเธอโกหก เธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นดังนี้
หลังถูกยิง เธอจำได้คร่าวๆ ว่าถูกหามขึ้นเกวียนเส้นผมชุ่มไปด้วยโลหิต เธอยังไม่หายจากความหวาดผวาต่อการประหารหมู่ที่เห็นกับตา เสียงร้องโหยหวนของพ่อแม่พี่น้อง เมื่อกลับพื้นคืนสติอีกครั้งเธอก็พบว่าตนอยู่ในความดูแลของบุคคลแปลกหน้า 4 คน คนผู้หญิงวัย forty กว่า ชื่อ มาเรีย เป็นมารดาของอีก 3 คน คือ อเล็กวานเดอร์, เซอร์ไก และ เวโรนิกา สกุลของพวกเขาทั้ง 4 คือ ไชคอฟสกี้ และเป็นเรดการ์ดของเมืองอีคาเตรินเบิร์ก
เธอนึกได้อย่างลางเลือนว่าได้ถูกนำตัวเดินทางไปไกล ได้ผ่านป่าสนทึบ ผ่านไปบนถนนสายยาวอันเปล่าเปลี่ยวนานนับเดือน บางครั้งไข้ขึ้นสูง ศีรษะปวดรวดร้าวแผลที่แขนระบม รวมทั้งใบหน้าและปากด้วย บ่อยครั้งที่ถูกเอาลงจากเกวียนอันกระเทือนและใช้วิธีอุ้มแทนความรู้สึกของเธอเหมือนตายมากกว่าเป็น ยามเมื่อพายุหิมะกระหน่ำ เธอจะถูกห่อหุ้มร่างด้วยผ้าหนา ๆ และอาจต้องขอกระท่อมชาวนาพักชั่วคราว แม้จะหวาดผวาต่อการถูกติดตาม และการหลักหลังจากผู้ที่พวกเธอไปขอความช่วยเหลือ
ผู้ที่ได้พบเห็นการลี้ภัยของนางอย่างระหกระเหินครั้งนี้มีอาทิ
ฮาสเซ็นสไตน์ นายทหารเยอรมันผู้ซึ่งเป็นคนเฝ้ารักษาการ์ณฝั่งแม่น้ำบัก เขาได้อนุญาตให้คณะลี้ภัยข้ามแม่น้ำไปได้
ซาชา เกรกกอเรียน ชาวอเมริกัน ผู้อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดนีสเตรอะ บันทึกไว้ว่า "ก่อนที่จะข้ามแม่น้ำจากฟากรัสเซียไปสู่โรมาเนีย (5 ธ.ค. 1918) ผมได้ยืนเคียงข้างกับเจ้าหญิงอนัสตาเซียแห่งโรมานอฟผู้รอดมาได้โดยความช่วย เหลือของเรดการ์ด..."
และเมื่อถึงแม่น้ำเรสินา คณะลี้ภัยก็ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตองครักษ์ของซาร์ผู้หนึ่ง ซึ่งช่วยนำไปส่งจนถึงนครบุคาเรสท์ และที่นี่เองทุกคนจึงเริ่มปลอดภัยจากเงื้อมมือของพวกบอลเซวิค
เธอได้ทำการขายสร้อยไข่มุกเพื่อนำเงินมายังชีพ และแต่งงานกับอเล็กซานเดอร์ มีลูกด้วยหนึ่งคน แต่การแต่งงานนี้ทำให้สถานภาพของเธอเปลี่ยนแปลงไปเธออาจไม่เป็นที่ยอมรับจาก ราชวงศ์ต่าง ๆ ของยุโรปแต่เธอก็ตัดสินใจแล้ว
หากเคราะห์ของเธอกลับทรุดหนักลงอีก อเล็กซานเดอร์สามีถูกตำรวจลับบอลเชวิคลอบสังหารสิ้นชีพกลางถนน เซอร์ไกพาเธอระหกระเหินต่อไปยังนครเบอร์ลิน ลูกของเธอถูกนำไปฝากเลี้ยงยังสถานเด็กกำพร้า จากนั้นเซอร์ไกก็หายตัวไป เธอสิ้นหวังในชีวิตและโดดน้ำตาย
เรื่องของเธอได้ถูกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ผู้คนพากันมาซักไซ้ไต่ถาม เสาะหาความจริง จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ได้จึงปิดปากสนิท ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ อีก ต่อไป หลายอาทิตย์หลังการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอลิซาเบ็ธ เธอก็ถูกโยกย้ายไปอยู่โรงพยาบาลโรคจิตดอลล์ดอร์ฟ ที่นั่นเธอถูกระบุว่าเป็นบ้า! วันนั้นคือวันที่ 30 มีนาคม 1912
ชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตเป็นไปด้วยความขมขื่น แวดล้อมด้วยคนไข้ที่สติไม่สมบูรณ์ เธอนอนซมอยู่บนเตียงเกือบตลอดเวลา หันหน้าเข้าฝา
คลารา มาเรีย พุทเฮิร์ท อดีตแม่บ้านแห่งราชวังของซาร์เผอิญถูกส่งมารักษาตัวที่นี่ด้วย นางจำได้ทันทีว่าเธอคือธิดาองค์หนึ่งของซาร์ แต่จำผิดว่าเป็นทาเทียนา ถึงช่วงนี้ข่าวของเธอก็ไปถึงหูของบอลเชวิค ตำรวจลับเริ่มเข้ามากรุยกรายสืบข่าวเธอ
และแล้ว บารอนเนส อิซา บักซ์โฮฟเดน อดีตนางสนองพระโอษฐ์ซาร์ก็ถูกเจ้าหญิงไอรีน แห่งปรัสเซีย ป้าของอนัสตาเซีย ส่งตัวมาเยือนนางไชคอฟสกี้ เพื่อหาข้อเท็จจริง หากว่าบารอนเนสไม่สามารถจำเธอได้ นั่นเป็นเพราะเป็นความลำบากแสนสาหัสในเคราะห์กรรมได้เปลี่ยนโฉมเจ้าหญิงสาว สวยให้กลายเป็นหญิงที่แก่เกินอายุจริง twenty one ปี ของเธอ ฟันหน้าทั้งแถบนั้นถูกกระสุนไรเฟิลกระจุยไม่เหลือ ทำให้แก้มของเธอตอบ การไม่ยอมรับของบารอนเนสครั้งนี้ทำให้เรื่องของเธอถูกลดความเชื่อถือไปอีกมาก
เธอได้อยู่ที่โรงพยาบาลดอลล์ดอร์ฟถึงสองปี จากนั้นเธอก็ออกมาพำนักอยู่กับบารอน ไคลส์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของรัสเซีย หลังจากนั้น กรุนเบิร์ก ตำรวจเยอรมันผู้ถูกสั่งให้สืบสวนชีวิตของเธอ ก็ได้มาชวนให้เธอไปพักอยู่ด้วยกันกับเขาในคฤหาสน์ชนบท
มาถึงขณะนี้ ผู้ที่สนใจในเรื่องราวของนางไชคอฟสกี้ก็แบ่งออกเป็น two ค่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อ ฝ่ายหนึ่งไม่เชื่อแต่น่าประหลาดยิ่งที่เชื้อพระวงศ์แห่งรัสเซีย ซึ่งน่าจะสามารถพิสูจน์เธอได้อย่างง่ายดายกลับวางเฉย ปิดปากเงียบไม่เข้ากับฝ่ายใดเสียงงั้นแหละ
กรุนเบิร์ก เองก็ไม่อาจจะยืนยันได้ เขาได้ให้ความเห็นว่า
"สองปีที่อยู่ในโรงพยาบาลบ้า ได้ทำลายจิตใจของเธอจนสุญหมดสิ้น ประกอบกับกระโหลกศีรษะ ซึ่งกระทบกระเทือนจากกระสุนไรเฟิล ทำให้สมองของเธอสับสน แต่เธอก็ยังยืนยันมั่นคงถึงความเป็นธิดาของซาร์ และสิ่งเดียวที่ยังอยู่ในความทรงจำของเธออย่างละเอียดไม่ผิดพลาด ก็คือเหตุการณ์สะเทือนขวัญในคืนประหารหมู่นั้น"
และสุดท้ายป้าของเธอ ที่ชื่อเจ้าหญิงไอรีน ก็เสด็จมาดูด้วยองค์เอง แต่ถึงยามนี้ หญิงผู้อ้างตนเป็นอนัสตาเซียก็ปราศจากความยินดียินร้ายในเรื่องใดๆ เสียแล้วเธอปฏิเสธที่จะสนทนาหรือรับความช่วยเหลือใด ๆ
ซึ่งในส่วนของเจ้าหญิงไอรีน ได้ทรงให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า
"ผม หน้าผาก และตา เป็นของหลานอนัสตาเซีย แต่ปากและคางนั้นไม่ใช่ ฉันไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่เธอ
ก็แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อปากและคางของเธอนั้นถูกกระสุนไรเฟิลทำลายป่นปี้ โอกาสของอนัสตาเซียหมดไปอีก และนับจากวันนั้นเจ้าหญิงไอรีนก็ปฏิเสธที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
ถัดจาก นั้นไม่นานก็พบว่าเธอเป็นวัณโรคที่ทรวงอกและที่ข้อศอกซ้าย ซึ่งเป็นโรคประจำตระกูลของซาร์ ร่างกายของเธอก็เลยยิ่งโทรมลงไปอีกรวมทั้งจิตใจ
แล้วเชื้อพระวงศ์ต่างๆของโรมานอฟ ก็ผลัดกันมาเยือนเธอทีละ คนสองคน แต่เธอก็ไม่ยินดีต้อนรับเสียแล้ว ทุกคนไม่อาจยืนยันแน่ชัดลงไปได้ ข้อหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ให้สงสัยก็คือ เธอพูดอังกฤษไม่ได้ ในขณะที่ภาษาอังกฤษนั้นใช้พูดกันเป็นธรรมดาในวังซาร์ เธอไม่ยอมพูดหรือเขียนภาษารัสเซียด้วย ใช้แต่เยอรมันโต้ตอบแต่ตำรวจลับรัสเซียก็วางกับดักพิสูจน์ได้ง่าย ๆ โดยแกล้งพูดคุยกันเป็นภาษารัสเซีย และสังเกตทีท่าของเธอ เขาพบว่าเธอเข้าใจดีในทุกคำพูดนั้น!
โดยรายละเอียดและรูปลักษณ์ของเธอได้ถูกรายงานไปให้ แกรนด์ยุค เออร์เนสต์ ลุงของเธอ ดังนี้
1. ตาปลาที่ นิ้วเท้าทั้งสองเท้า โดยเฉพาะเท้าขวา (อนัสตาเซียก็มี รูปพรรณตรงกัน)
2. แผลเป็น เล็ก ๆ สีขาวที่ไหล่ (อนัสตาเซียก็มีเช่นกัน)
3. รอยปูดที่ โคนนิ้วกลางมือซ้ายเกิดจากประตูรถหนีบ
4. แผลเป็น ที่ขมับขวา (อนัสตาเซียจะหวีเกษาปิดแผลเป็นขมับขวา เสมอ)
5. รอยแผล เป็นหลังใบหูขวาอันเนื่องมาจากกระสุนปืน
คำตอบจากท่านแกรนด์ยุคก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีธิดาองค์ใดของซาร์เหลือรอด
การที่ท่านดยุคปฏิเสธนี้ อาจมีสาเหตุจากการที่แอนนาเคยอ้างว่าได้พบกับท่านดยุคในปี 1916 ซึ่งความจริงช่วงนั้นรัสเซียกับบาวาเรียกำลังทำสงครามกัน การเอ่ยอ้างของแอนนาทำให้ท่านดยุคถูกหาว่าลอบไปเจรจาลับกับศัตรู นั่นทำให้ท่านดยุคต้องมัวหมอง
กาลเวลาต่อมา อนัสตาเซียก็เริ่ม "จำ" ชีวิตวัยเด็กได้ทีละน้อยๆ สิ่งสำคัญที่เธอบันทึกไว้ก็คือ
"ฉัน... แกรนด์ดัชเชส อนัสตาเซีย นิโคลาเยฟนา เป็นธิดาองค์เล็กและองค์เดียวของซาร์นิโคลาสที่ two กับเจ้าหญิงอเล็กซานดรา แห่งรัสเซีย ผู้ล่วงลับไปแล้วขอประกาศว่า หลังจากราชวงศ์ของเราจากปีเตอร์สเบิร์กมาอยู่ไซบีเรีย และก่อนหน้าที่เสด็จพ่อและคนอื่น ๆ จะถูกปลงพระชนม์หมู่ เสด็จพ่อได้ตรัสว่าก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ได้ฝากเงินไว้ให้ธิดาทั้ง 3 องค์ เป็นเงินองค์ละ five ล้านรูเบิล ณ ธนาคารแห่งอังกฤษ"
แต่ธนาคารแห่งอังกฤษก็ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง และต่อมา แอนนาก็ได้กล่าวแก้ข้อเขียนของเธอว่า จำชื่อธนาคารที่ถูกต้องไม่ได้ แต่เงินนั้นมีแน่ ๆ
หลัง ค.ศ.1920 แอนนาเดินทางไป อเมริกาหลายครั้ง และเปลี่ยนชื่อเป็นนางแอนนา แอนเดอร์สันและระหว่างที่อยู่อเมริการะยะหนึ่ง สมาชิก twelve องค์แห่งราชวงศ์โรมานอฟที่เหลืออยู่จากเชื้อพระวงศ์ซาร์ทั้งหมด 44 องค์ ก็ได้ร่วมกันลงชื่อประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าไม่ยอมรับข้ออ้างของแอนนา ซึ่งก็แน่นอนอีกเช่นกัน ในเมื่อทั้ง twelve องค์นี้มีสิทธิในผลประโยชน์ของซาร์ในอังกฤษ และคงไม่ประสงค์ให้ใครมาแบ่งเอาไป ตุ๊กตา
ในบั้นปลายแห่งชีวิต แอนนา แอนเดอร์สันได้เดินทางมาพำนักยังกระท่อมทหารเก่าที่แบล็คฟอเรสท์ ,เยอรมนี อยู่เงียบ ๆ ตามลำพังกับเพื่อนหนึ่งคน ในปี 1974 เธอจึงแต่งงานใหม่กับชาวอเมริกัน แล้วกลับไปพำนักอย่างถาวรในสหรัฐ
เรื่องราวของเธอนั้นโด่งดังไปทั่วโลก มีหนังสือเกี่ยวกับเธอพิมพ์ขายนับไม่ถ้วน ฮอลลีวู้ดเอาเรื่องของเธอไปทำหนัง นำแสดงโดย อินกริด เบิร์กแมน กับ ยูลบวินเนอร์ แม้กระทั่ง แพ็ต บูน ก็เคยร้องเพลง "อนัสตาเซีย" ซึ่งฟังหวานลึกลับและวังเวงใจ ดุจเดียวกับชีวิตของเธอ
เครดิต          http://www.tooktaall.com
อ้างถึง          http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaidollsall&group=13

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตุ๊กตา เมอร์ลิน (Merlin)



เมอร์ลิน (Merlin) เป็นพ่อมดที่มีอาคมแก่แกล้าในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ กับอัศวินโต๊ะกลม ในยุคของประวัติศาสตร์อังกฤษตอนต้น ราวประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 5 มีตำนานและวรรณกรรมเล่าขานถึงอภินิหารต่าง ๆ ตุ๊กตา
ตำนาน มหัศจรรย์ที่เกี่ยวข้องกับพ่อมดเมอร์ลินมีอยู่มากมายหลายแบบ โดยเล่ากันว่า เขาคือผู้จัดเรียงก้อนหินมหึมาที่สโตนเฮนจ์ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่เหล่าทหารของกษัตริย์อาเธอร์ บ้างก็ว่าเมอร์ลินสามารถหยั่งรู้อนาคตได้อย่างชัดแจ้ง เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่มีชีวิตย้อนหลัง กล่าวคือคนทั่วไปจะใช้ชีวิตจากอดีตไปสู่อนาคต แต่เมอร์ลินจะใช้ชีวิตจากอนาคตย้อนมาสู่อดีต เมื่อเขาเคยผ่านอนาคตมาก่อนแล้ว จึงทำให้ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไป ตุ๊กตาหมี
บทบาทของพ่อมดเมอร์ลินที่คนทั่วโลกจดจำได้ คือการเป็นอาจารย์และเป็นที่ปรึกษาให้แก่กษัตริย์อาเธอร์ สมัยที่กษัตริย์อาเธอร์ยังเป็นทารกแบเบาะอยู่นั้น ก็โดนคำสั่งจากพระราชบิดาให้ประหารชีวิต เมอร์ลินก็เป็นผู้ช่วยชีวิตและหาที่หลบซ่อนให้แก่อาเธอร์น้อย เช่นเดียวกันกับดัมเบิลดอร์ที่ซ่อนตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์เอาไว้จากโวลเดอมอร์ กวีชื่อว่า อัลเฟรด ลอร์ด เทนนีสัน ได้เล่าถึงตำนานตอนนี้เอาไว้ในบทกวีชื่อ ดังนี้ ตุ๊กตาน่ารัก
ท่ามกลางความโศกเศร้าและเหงาหงอยของเด็กน้อย อาเธอร์น้อยกำเนิดมาอย่างน่าสงสาร ต้องหลบซ่อนตัวตนให้พ้นพาล อยู่กับท่านเมอร์ลินสิ้นกังวล ด้วยอูเธอร์ผู้บิดาจิตป่าเถื่อน ร้ายเสมือนสัตว์ป่าน่าฉงน เหลิงอำนาจเกรงลูกชายทำลายตน จึงคิดฆ่าเพื่อให้พ้นทางตนไป เมอร์ลินนำเด็กน้อยให้แอนตัน ผู้ผูกพันกับอูเธอร์เกลอรุ่นใหญ่ เซอร์แอนตันกับภรรยามีน้ำใจ เลี้ยงอาเธอร์ด้วยห่วงใยและเมตตา ส่วนกษัตริย์อูเธอร์ผู้เห่อเหิม นับวันเพิ่มความร้ายกาจพิฆาตฆ่า อาณาจักรล่มสลายไม่นำพา หายนะสู่ประชาน่าเศร้าใจ ของขวัญ
เมื่อ กษัตริย์อาเธอร์เติบใหญ่ขึ้นมา เมอร์ลินก็ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขาเสมอ กษัตริย์อาเธอร์เอาชนะศัตรูแห่งอังกฤษมาได้นับครั้งไม่ถ้วน เพราะอาศัยสติปัญญาอันฉลาดและเวทมนตร์วิเศษของพ่อมดเมอร์ลินคอยช่วยเหลือ เมื่อหมดสิ้นยุคสมัยของกษัตริย์อาเธอร์ พ่อมด เมอร์ลินก็หายสาบสูญไป บางตำนานเล่าว่า เมอร์ลินถูก เลดี้ ออฟ เดอะ เลค ผู้ซึ่งเป็นสตรีที่เขาหลงรัก ล่อลวงให้ไปสร้างเสาวิเศษ แล้วเธอก็ใช้เสาวิเศษนั้นจองจำมอร์ลินอยู่ที่นั่นไปชั่วนิรันดร์.(--Mr.Sear 19:59, 27 กรกฎาคม 2551 (ICT)) ตุ๊กตา
ต้นกำเนิดของเมอร์ลินนั้น บางตำนานก็กล่าวว่าเขาเป็นบุตรของปีศาจที่แอบลอบ มาสมสู่กับเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ทำให้เขามีอำนาจวิเศษ มีคาถา อาคมและหยั่งรู้ในเหตุการณ์อนาคต ต่อมาเขาได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ อูเธอร์ ซึ่งเป็นพระบิดาของอาร์เธอร์ เขาจึงมีหน้าที่อภิบาลอาร์เธอร์ในวัยเยาว์ และเมื่ออาร์เธอร์ได้เป็นกษัตริย์ เมอร์ลินก็มีบทบาทช่วยเหลือสนับสนุนมากมาย นับตั้งแต่ทำให้อาร์เธอร์ ได้ดาบเอ็กซคาลิเบอร์ มาเป็นอาวุธคู่กาย ช่วยจัดตั้งคณะอัศวินโต๊ะกลมอันเกรียงไกร นอกจากนั้น ก็ยังได้ทำนายถึงความห้าวหาญยิ่งใหญ่ของยอดอัศวิน ลานสล็อต ทำนายถึงการแปร พักตร์ของราชินีกีนีเวียร์และอัศวินมอร์เดร็ด แต่แม้เมอร์ลิน จะมีพลังลึกลับเพียงใด เขาก็หยั่งรู้ถึงโชคชะตาอันมืดมนของตนเองดี หลังจากเขาได้ สอนมายากลบางส่วนแก่ มอร์แกน เลอ เฟย์ เจ้าหญิงผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของอาร์เธอร์ แล้ว เมอร์ลินก็ได้พาวิเวียนนางกำนัลคนหนึ่งของเลอเฟย์มาอยู่ด้วย และอบรมสั่ง สอนสาวน้อย วิเวียน ให้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาจนหมดสิ้น แต่แล้ววิเวียนก็ได้ทรยศต่อพ่อมดเมอร์ลิน โดยใช้อาคมที่เขาสอนนั่นเองผูกมัดเขาไว้กับต้นไม้ (บางตำนานระบุว่าขังไว้ในถ้ำแก้ว) ทำให้เมอร์ลินตกอยู่ภายใต้มนต์ สะกดตลอดกาล ตุ๊กตาหมี
พ่อมดเมอร์ลินจะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ หรือเป็นเพียงแค่นิยาย ตำนานเล่าลือกันมา มีผู้วิเคราะห์วิจารณ์ ไว้ดังนี้ครับ ตุ๊กตาน่ารัก
ชื่อ "เมอร์ลิน" ปรากฏเป็นหนแรกในบทนิพนธ์ของ จอฟฟรีย์ มอนเมาธ์ ซึ่งได้ถูกประพันธ์ ขึ้นในปี ค.ศ. 1136 เรื่อง "ประวัติ กษัตริย์ แห่งบริเทน" ตุ๊กตาน่ารัก
แล้วต่อมาหลังจากนั้น เมื่อเขาเขียนขึ้นอีกเล่มหนึ่ง "ชีวิตของเมอร์ลิน" มอนเมาธ์กลับ นำเอานามแรกเริ่มเป็น ภาษาละติน "เมิร์ดดิน" มาใช้เป็นชื่อของพ่อมดที่มีบทบาทอยู่ในตำนานพื้น บ้าน ของชาวเวลส์หลายเรื่องในช่วงศตวรรษที่ six แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดก่อนมอนเมาธ์นำมา เขียนหลายร้อยปี จึงพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าเมิร์ดดินกับเมอร์ลินเป็นพ่อมดตนเดียวกัน หรือไม่ ตุ๊กตาหมี
ล่วงมาถึง ปี ค.ศ. 1960 เอ.โอ.เอช. จาร์แมน เป็นนักประวัติศาสตร์คนแรก ที่เริ่มต้นค้นคว้าหากำเนิดที่แท้จริงของเมอร์ลิน เขาติดตามร่องรอยไปในแถบสกอตแลนด์ที่มีตำนานเล่าขานตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติ ศาสตร์ ถึงเรื่องของ "คนป่า" ซึ่งไม่ปรากฏนาม เขาผู้นั้นถูกขับไล่ด้วยสาเหตุ บางอย่างให้มาอยู่ในป่าลึกและใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าสัตว์ทั้งหลายในป่า ต่อมาคนป่าผู้นี้ก็ได้มีอำนาจพิเศษในการพยากรณ์อนาคต รวมทั้งได้รับการตั้งชื่อว่า "ลายโล เคน" เรื่องของเขาเชื่อมโยงกับ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์สมัยศตวรรษที่หกและเจ็ดของบริเทน ตอนเหนือ ตลอดจนถึงศตวรรษที่แปดและเก้าของแคว้นเวลส์ และช่วงนี้เองที่จาร์แมนระบุว่าชื่อของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นเมิร์ดดิน ตรงกับที่มอนเมาธ์ได้ เคยรจนาไว้ เกมส์
โดยในตำนานในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งกล่าวถึงช่วงที่เมอร์ลินได้เข้ามาอยู่ ในราชสำนักไว้ดังนี้
กษัตริย์วอร์ติเกิร์นแห่ง เวลส์ประสงค์จะสร้างป้อมปราสาทแข็งแรงไว้ป้องกันศัตรู หากทว่าสิ่งก่อสร้างนั้นทุกคืนจะพังทลายลงมาอย่างลึกลับ เหล่าโหราจารย์ทูลว่า วิธีแก้ไขคือใช้โลหิตเด็กชายที่ไร้บิดามาหยดลงบนแท่ง หินก่อสร้าง เหล่าทหารได้ออกค้นหาและนำตัวเมอร์ลินมาเข้าเฝ้า เขาเป็นบุตรของเจ้าหญิงแห่งเวลส์แต่ไม่มีบิดา โดยเจ้าหญิงได้ชี้แจงว่าเธอนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่คืนหนึ่งมีบุรุษทองคำลอบมาสมสู่และให้กำเนิดเด็กน้อยเมอร์ลิน ซึ่งมีความสามารถในการพยากรณ์ เมอร์ลินได้ทูลต่อกษัตริย์ ว่า การที่ก่อสร้างไม่ สำเร็จนั้น เป็นเพราะภายใต้ป้อมปราสาทมีโพรงหินขนาดใหญ่ ภายในมีมังกรสองตัว ตัวหนึ่งสีแดง อีกตัวหนึ่งสีขาว มังกร ทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างสุดฤทธิ์ทุกคืน ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนจนกำแพงที่ก่อสร้างไว้พังทลายลง เมื่อวอร์ติเกิร์นบัญชาให้ขุดดูก็พบว่าเป็นจริงตามคำของเด็กน้อย ซึ่งเมอร์ลินก็ได้ทูลเพิ่มเติมอีกว่า มังกรแดงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของ บริเทน ส่วนมังกรขาวเป็นตัวแทนของเผ่าแซกซอนส์ และเมื่อเวลาผ่านไปมังกร ขาวจะมีชัยเหนือมังกรแดง ที่สำคัญคือเมอร์ลินได้ทำ นายถึง "การมาของอาร์เธอร์" ไว้ด้วย และนี่ก็คือต้นกำเนิด แรกสุดของตำนาน "อาร์เธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม" ครับ ตุ๊กตา
การที่เมอร์ลินมีอำนาจวิเศษหลายประการทำให้บางคน ถึงกับอ้างว่าเมอร์ลินนั่นแหละที่เป็นผู้สร้างกองหินมโหฬาร "สโตนเฮนจ์" ซึ่ง โด่งดังไปทั่วโลก โดยขนย้ายแท่งหินยักษ์เหล่านี้มาจากภูเขาพรีเซลิในแคว้นเวลส์ แล้วก่อตั้งขึ้นในที่ราบซาลิสบิวรี่ มณฑลวิลท์ไชร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ ซึ่งแท้จริงแล้ว กองหิน สโตนเฮนจ์ นี้เกิดขึ้นในช่วง 3,100-1,100 ปีก่อน ค.ศ. ก่อนหน้าการถือกำเนิดของเหล่าพ่อมดและอัศวินนับพันปี เกมส์

เครดิต   http://www.tooktaall.com

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


ตุ๊กตา Atlantis อาณาจักรที่สาบสุญ


อาณาจักร แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรเก่าแก่โบราณที่ได้อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลก ซึ่งผู้ที่สร้างตำนานอาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีป ๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา ตุ๊กตา

ที่มาของเรื่องแอตแลนติส คือ ข้อเขียนในรูปของบทสนทนาสองเรื่อง โดยพลาโต ( Plato : 427 ก่อน ค.ศ. - 347 ก่อน ค.ศ.) เรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Timaeus อีกเรื่องหนึ่ง ชื่อ Critias ซึ่งสำหรับวงการวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป เชื่อว่า แอตแลนติส เป็นเรื่องเล่าในรูปของนิยายวิทยาศาสตร์ มิใช่เรื่องจริง แต่คนเป็นจำนวนมากก็เชื่อว่า อาจจะเป็นเรื่องจริง และได้มีความพยายามค้นหาแอตแลนติสกันเรื่อยมา โดยพยายามตีความหมายตำแหน่งของแอตแลนติสว่า อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะพลาโต ระบุว่า แอตแลนติสได้ล่มจมหายไปแล้วในทะเล อยู่ห่างจาก "Pillars of Hercules" ( เสาหินเฮอร์คิวลีส ) ออกไป ตุ๊กตาหมี


คำทำนายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติส ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรกของโลก
เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้ทำนายพยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งได้ว่า
เกมส์
...ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมด รวมกับแผ่นดินรัสเซีย มีดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก     ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติสเป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งปวง  รวมทั้งงานด้านประติมากรรม วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมด้วย    โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น  เคย์ซีได้บันทึกไว้เป็นคำพยากรณ์ในบทที่ 2794-L-1
โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้ ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเคมี ฟิสิกส์ และจิตวิทยามาก พวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้  รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียม  รู้จักผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้

สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ  ชาวแอตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน  มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ   ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล  เข้าด้วยกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าความสำเร็จในทางวิทยาศาสตร์ของชาวแอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน แสงอาทิตย์เป็นสำคัญ วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนาตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนา เริ่มตั้งแต่มีการทำพิธีบูชาพระอาทิตย์และเทพเจ้า วัฒนธรรมของอาณาจักรแอตแลนติสหายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิดสั่นสะเทือน และได้เกิดถล่มทลายลงไปสู่ภายใต้ท้องทะเลเพียงแค่ชั่วคืน  ชั่ววัน

ใต้ทะเล ภายใต้ในชั่วคืน กับชั่ววัน ดังน้นแปลว่าเมื่อ ปี 9500 ก่อนคริสต์กาล ชาติแอตแลนติสก็หายไปจากโฉมหน้าของโลก ตุ๊กตาหมี


เคย์ซีได้กล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์โลก มักจะหมุนเวียน ย้อนกลับมาอีกเสมอ ดังนั้นวิญญาณของชาวแอตแลนติสย่อม
มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง และจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่งหรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่น ๆมหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเท่ากับโลกเราสมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้า มากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนา โดยนำเอาพลังงานอันมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่า โลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วนที่ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผลทำให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของมหาอาณาจักรแอตแลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลกได้เห็นอีกก็เป็นได้ เช่น เมื่อปี 2483 เคย์ซีทำนายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้านตะวันตกของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ ๆบริเวณหมู่เกาะบาฮามาในช่วงระหว่าง พ.ศ.2511-2512 ปรากฏว่าคำทำนายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริงคือ ได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ ๆหมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีต ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมีขนาดใหญ่ พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว  ลำพังจะใช้กำลังคนช่วยกันแบกหาม ขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็คงจะไม่ทำได้เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้น เคย์ซียังทำนายต่อไปอีกว่าภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้น จนทำให้มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้ทะเลนั้น จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลก

เคย์ซีกล่าวว่า ในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ 10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรมเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง  ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติสอยู่ระหว่างช่วงนับจาก 200000 ลงมาจนถึงปี 10700 ก่อนคริสต์กาล คือนับตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไปคือสรุปแล้ว จะมีอายุนานประมาณ 80000-900000 ปี ของขวัญ

นี่ก็เป็นเพียงคำพยากรณ์บางส่วน บางตอนของ เอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ได้ทำนายอดีตของโลกเราย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้นต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต

อาณาจักรที่ล่มสลายไปในอดีตกาล ที่ซึ่งนักสำรวจทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการค้นหา จาก บทบันทึกของเพลโตได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่า เป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ได้ล่มสลายลง และถูกคลื่นยักษ์ กวาดกลืนจนไร้ร่องรอย

แอตแลนติส (Atlantis) เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในงานเขียนของเพลโตชื่อทีมาอุส (Timaeus) และ ครีติอัส (Critias) ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่บรรพบุรุษของเพลโตเล่าต่อกันมาว่า แอตแลนติสเป็นชนชาติที่อยู่บนเกาะ ในช่วงระหว่าง 11,500 ปีที่แล้ว ซึ่งได้พัฒนาอารยธรรม จนเจริญก้าวหน้าไปมาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ล่มสลายนั้นมีทั้งจากภัยธรรมชาติหรือ จากตำนานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนติสมีความละโมบ และกระหายอำนาจ เทพเจ้า จึงลงโทษด้วยการทำลายเมืองไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้สงสัยว่า แอตแลนติสที่แท้จริงอาจเป็น เพียงแค่จินตนาการของเพลโตก็เป็นได้

แต่จากความรุ่งเรืองของอารยธรรมแห่งนี้ จึงเป็นมนเสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนัก สำรวจพยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติส จากที่เพลโตได้เขียนไว้ว่า แอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสา หินแห่งเฮอร์คิวลีส (Pillars of Hercules) ออกไป ซึ่งในปัจจุบัน คือ ช่องแคบยิบรอลตา (Gibraltar) ดังนั้นแอตแลนติส จึงควรอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยน่าจะเป็นหมู่เกาะ อะซอเรส (Azores) หรือ มาดีราส (Madeiras) หรือ คานารีส (Canaries) แต่การศึกษา ทางโบราณคดีที่หมู่เกาะเหล่านี้ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ ว่าเคยเป็นอาณาจักรแอตแลนติส มาก่อน เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ในแอตแลนติก ผู้คนที่ยังมีความศรัทธาในเรื่องของอาณาจักรแอตแลนติส ก็ได้หันมาพิจารณาคำของเพลโต ที่ว่า พิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆ แล้ว เพลโตน่าจะหมาย ถึงช่องแคบ ดาร์ดาแนลเลส (Dardanelles) ของทะเลดำ (Black Sea) มากกว่าช่องแคบ ยิบรอลตา ดังนั้นการค้นหาแอตแลนติสจึงได้ถูกย้ายจากมหาสมุทรแอตแลนติกมากระทำในแถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) แทน

โรเบิร์ต ซาร์แมสต์ (Robert Sarmast) นักวิจัยจากสหรัฐฯ ค้นพบว่าแอ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ได้จมลงไปขณะน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อประมาณ one,900 ปีก่อนคริตกาล จึง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส โดยบริเวณนี้จมลึกลงไปถึง one ไมล์ใต้ ้ทะเลระหว่างไซปรัส (Cyprus) และซีเรีย (Syria) จากการสแกนฟังเสียงสะท้อนใต้น้ำลึก แสดงว่ามีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณหุบเขาที่จมน้ำ รวมถึงกำแพงที่ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งกั้นอยู่บนยอดเขาและมีคูลึกล้อมรอบอยู่ด้วย เชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นตำแหน่งของวิหาร แห่งเมืองแอตแลนติส

แต่การค้นพบของซาร์แมสต์ ก็ถูกโต้แย้งโดย คริสเตียน ฮูบเชอร์ (Christian Huebscher) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ฮูบเชอร์กล่าวว่า พื้นที่ที่ซาร์แมสต์พบนั้นเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 10,000 ปี ีที่แล้ว ที่ภูเขาไฟได้พ่นดินโคลนออกมา

ก่อนหน้านี้นั้น  ได้มีนักสำรวจได้พุ่งเป้าที่ชายฝั่งของประเทศสเปน คิวบา และทางตะวันตกของเกาะอังกฤษ ไม่เว้น แม้กระทั่งทะเลจีนใต้ โดยงานสำรวจที่เป็นชิ้นเป็นอันก่อนหน้านี้คือ ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณ อุทยานแห่งชาติดอนานาของสเปน (Donana) จากนักโบราณคดี มหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก (University Edinburgh) ของอังกฤษ ซึ่งภาพดังกล่าวได้พบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปสี เหลี่ยม two หลังจมอยู่ในโคลนใต้ทะเล โดยพบโลหะที่มีรัศมีเป็นวงกลมและมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ล้อมรอบ ทีมวิจัยในครั้งนั้นเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง two คือ วิหารทองคำที่ชาวแอนแลนตีสสร้างขึ้น เพื่อบูชาเทพโพเซดอน และวิหารเงินเพื่อบูชาพระนางไคลโต อันเป็นผู้ถือกำเนิดกษัตริย์ที่ปกครอง นครแอตแลนติส ซึ่งหลังที่ภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับ การขุดพิสูจน์แต่อย่างใด

แอตแลนติสจึงเป็นตำนานอันลี้ลับ ให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป


บทความแปลต่อไปนี้ จะเป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติส ที่พระอียิปต์รูปหนึ่ง เล่าให้รัฐบุรุษกรีก ชื่อ โซลอน ( Solon ) ฟัง
ได้มีบันทึกเก่าแก่มากของเรา กล่าวไว้เรื่องราวในอดีตแสนไกลว่า เมืองของท่านสกัดการบุกของกองทัพอันเกรียงไกร จากเกาะแสนไกลในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างไร กองทัพยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่นโจมตียุโรปทั้งหมด และเอเชียด้วย เอาละ เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่มาก ใหญ่กว่าแอฟริกา และเอเชีย รวมกัน - และตั้งอยู่ตรงข้ามกับช่องแคบระหว่างเสาหินของเฮอคิวลีส

เกาะแอตแลนติส ได้ถูกปกครองโดยตระกูลกษัตริย์ ที่ทรงอำนาจมาก ที่ปกครองมิใช่เพียงเกาะนี้ แต่เกาะอื่นๆ และบางส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้วย ราชวงศ์กษัตริย์ ที่ปกครองแอฟริกาเหนือ ไกลออกไปถึงอียิปต์ และยุโรปใต้ไกลออกไปถึงอิตาลี
ตุ๊กตา
ราชวงศ์ผู้ปกครองแอตแลนติส ได้เป็นเชื้อสายของ มหาเทพโพซีคอน ที่ได้แบ่งดินแดนให้โอรสสิบองค์ปกครอง โอรสองค์โต เป็นกษัตริย์ของเกาะทั้งหมด เกาะที่มีชื่อเรียกว่าแอตแลนติส ส่วนมหาสมุทรยังเรียกเป็นแอตแลนติก เพราะว่ากษัตริย์พระองค์แรก ชื่อ แอตลาส ( Atlas ) โอรสองค์อื่นๆ ได้รับการจัดสรรดินแดนให้ปกครองทุกองค์ เชื้อสายของกษัตริย์แอตลาสเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก เป็นราช วงศ์ที่ร่ำรวย และทรงอำนาจอย่างที่ไม่เคยมีราชวงศ์ใดเคยทำได้มาก่อน หรือจะมีขึ้นอีก

ชาวแอตแลนติสนั้น ไม่เพียงแต่ได้สั่งสินค้าส่วนใหญ่จากภายนอก แต่พวกเขาเองก็ผลิตแทบจะทุกสิ่งได้ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน โลหะแข็ง โลหะอ่อน และโลหะซึ่งเหลือแต่ชื่อ คือ โอริชาลคัม โลหะที่มีค่ามากที่สุด ยกเว้นทองคำ และแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง อากาศที่แสนวิเศษ ทำให้ผลไม้สุกปีละสองครั้ง ในแผ่นดินมีช้าง และสัตว์อื่นๆ มากมาย ทั้งสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง นครบนเขากลางเกาะ มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามพันฟุต และเป็นนครอันชวนพิศวง สะพานถูกสร้างข้ามช่องแคบทะเลโดยโพซีดอน คลองถูกขุดจากนครสู่ทะเล และป้อมปราการเคลือบด้วยตะกั่ว ทองเหลือง และโอริชาลคัมสีแดง

ณ ตำแหน่งใจกลางนคร คือ มหาราชวังและวิหารยิ่งใหญ่แห่งเทพโพซีดอน สถานศักดิ์สิทธิ์ ล้อมรอบด้วยกำแพงทอง ปกคลุมด้วยเงิน เด่นเป็นสง่าด้วยหอคอยทองคำเหนือหลังคางาช้าง ภายในวิหารมีอนุสาวรีย์ทองคำขององค์เทพ ขนาดใหญ่โตมโหฬาร จนกระทั่งสัมผัสหลังคาวิหาร

ลากด้วยม้าที่มีปีกหกตัว ถูกล้อมรอบด้วยเทพแห่งทะเล เป็นจำนวนร้อยขี่ปลาโลมา และที่ด้านนอกวิหาร มีอนุสาวรีย์ทองคำเจ้าชายแห่งแอตแลนติสทุกองค์พร้อมด้วยชายา

และในเกาะนี้ยังมีน้ำพุร้อนและน้ำพุเย็นเย็น สำหรับอาบ เป็นน้ำพุประดับ สวนสาธารณะและสวนผลไม้ มีที่สำหรับออกกำลังกายสำหรับบุรุษและม้า สนามม้าแข่งขนาดใหญ่ โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสิน ค้าและเรือทหาร

ที่ราบรอบบริเวณนครล้อมรอบด้วยภูเขามากมาย และคลองหลากหลายคลองลึกหนึ่งร้อยฟุต กว้างหกร้อยฟุต ทั้งหมดรวมกันแล้วยาวมากกว่าสามพันไมล์ แล้วกษัตริย์ทั้งสิบผู้ครองเกาะ ร่วมประชุมกัน ให้สัตย์ปฏิญาณต่อกันว่า จะช่วยเหลือกันเมื่อเผชิญกับสงคราม และพวกเขามีรถศึกหนึ่งหมื่นคัน กองทัพเรือ มีเรือมากกว่าหนึ่งพันลำ

เวลาผ่านไปหลายชั่วอายุสมัย ผู้คนแห่งเกาะเป็นพลเมืองผู้เคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม ไม่ให้คุณค่าแก่ทรัพย์สมบัติ ยกย่องคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ส่วนที่ดีแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงไป และในหัวใจมีแต่ความทะเยอทะยานอย่างไม่คำนึงถึงกฎหมาย คลั่งไคล้หลงไหลในอำนาจ

แล้ว ซูส มหากษัตริย์แห่งทวยเทพทั้งปวง ได้ตระหนักถึงความเสื่อมทรามที่กำลังเกิดกับชนชาวแอตแลนติส ตั้งพระทัยจะลงโทษพวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะได้มีสติขึ้นมาอีก ซูสจึงเรียกทวยเทพมาชุมนุมกัน

ดังนั้น ทำให้กองทัพแห่งอาณาจักรแอตแลนติสจึงรวมกำลังกัน มุ่งหวังที่จะพิชิตเฮลลาส และอียิปต์ และฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด และแล้ว มันก็เกิดขึ้น พระอียิปต์ปลอบใจโซลอน บุรุษแห่งเอเธนส์ได้แสดงออกถึงความกล้าหาญและความเก่งกล้าต่อโลก ในตอนแรก และในฐานะผู้นำของเฮลเลนส์ และแล้วก็ยืนอยู่อย่างเดียวดาย เมื่อถูกคนอื่น ๆ ผละหนีหาย หลังจากที่ได้เผชิญกับสุดยอดแห่งภยันตรายแล้ว เขาก็สามารถเอาชนะฝ่ายรุกรานได้ และสร้างอนุสรณ์สถานเอาไว้ รักษาความเป็นอิสระแก่คนจากความเป็นทาส และปลดปล่อยคนอื่น ๆ จากความเป็นทาส

แต่แล้วก็ได้เกิดมหันตภัยธรรมชาติต่างๆ แผ่นดินไหวและน้ำท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้าย แผ่นดินแยกและกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมด ในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเล และมาถึงทุกวันนี้ น้ำมหาสมุทรที่ตำแหน่งนั้นก็ตื้นเขิน เรือผ่านไม่ได้ กลายเป็นสันดอนดินโคลน ซึ่งเกิดจากแผ่นดินเมื่อเกาะถล่ม

และนี่คือข้อมูลและตำนาน ที่ยังต้องคอยผู้ที่ค้นพบต่อไป...


เครดิ          http://www.tooktaall.com
อ้างถึง      http://www.gotoknow.org/blogs/posts/489538